1 เม.ย.62- ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ระบุว่าเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการนำคลิปและภาพไปบิดเบือน
ตามที่มีการเผยแพร่คลิปการบรรยายของผมและรูปของผมพร้อมคัดบางประโยคมาประกอบจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและนำมาซึ่งความเกลียดชังต่อกันนั้น ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1. คลิปที่ถูกตัดมาบางตอนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการบรรยายของผม โดยผมได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “การเมือง ความยุติธรรม สถาบันกษัตริย์” เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 จัดขึ้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ในขณะนั้นผมยังคงดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำงานวิชาการ บรรยาย ศึกษาค้นคว้า เรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญ สถาบันการเมือง ประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทยและประเทศต่างๆ หัวข้อหนึ่งที่ผมสนใจคือ สถาบันกษัตริย์กับประชาธิปไตย การปรับตัวของสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย และประเทศต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย
2. ข้อความในท่อนที่ตัดมานั้น ผมไม่ได้พูดถึงสถาบันกษัตริย์ในราชอาณาจักรไทย แต่ผมบรรยายถึงหลักการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยผมอธิบายว่า หากพิจารณาจากระบอบประชาธิปไตยตามสากลแล้ว พระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และโดยธรรมชาติของตำแหน่งพระมหากษัตริย์ที่มาจากการสืบทอดทางสายโลหิต ไม่ได้มาจากการเลือก จึงจำเป็นต้องจัดวางตำแหน่งแห่งที่ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย ซึ่งประเทศต่างๆ ที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย และยังคงรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ได้อยู่สามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ
3. การนำข้อความที่ผมบรรยายเมื่อ 6 ปีก่อน เมื่อครั้งผมยังเป็นนักวิชาการ มาตัดใช้บางตอน โดยไม่ระบุว่าบรรยายในโอกาสใด เมื่อไร และยังใส่ตำแหน่งใต้ชื่อผมว่า “เลขา พรรคอนาคตใหม่” พร้อมกับนำสัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่ไปติดในรูปภาพด้วย เป็นการแสดงเจตนาอันไม่สุจริตของผู้กระทำ ต้องการทำให้ผมเสียหาย ถูกเกลียดชัง นอกจากนั้นคลิปและรูปภาพชุดนี้ถูกนำมาเผยแพร่ในช่วงรณรงค์หาเสียง เพื่อทำให้คนเข้าใจผิดและไม่ลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ เมื่อพรรคอนาคตใหม่ได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ก็รีบนำกลับมาเผยแพร่กันอีก เพื่อต้องการสร้างความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชน วิญญูชนผู้มีจิตใจเป็นธรรมย่อมพิจารณาได้เองว่าการกระทำของคนกลุ่มนี้ ยุติธรรมต่อผมและพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
4. ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา มีขบวนการใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาโจมตีโดยใช้ข้อหา “ไม่จงรักภักดี” หรือ “ล้มเจ้า” จนนำมาซึ่งความเกลียดชังกันเองในหมู่ประชาชน ทำให้สังคมแตกแยก จนเผด็จการทหารฉวยโอกาสเข้ายึดและครองอำนาจมาอย่างยาวนาน การเมืองไทยติดขัดอยู่ในความขัดแย้ง สังคมไทยถูกแบ่งขั้วอย่างร้าวลึกจนประชาชนไม่อาจหาฉันทามติในการอยู่ร่วมกันได้ การนำสถาบันกษัตริย์มาใช้โจมตีกันทางการเมืองของคนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สร้างความแตกแยกในสังคมแล้ว ยังไม่เป็นคุณต่อสถาบันกษัตริย์ด้วย
5. ในสังคมประชาธิปไตย เราชอบพรรคการเมือง นักการเมือง แตกต่างกันได้ เราสามารถแข่งขันทางการเมืองตามกติกาได้ โดยไม่จำเป็นต้องอ้างสถาบันกษัตริย์มาใช้โจมตี ทำลายล้าง หรือสร้างความเกลียดชังต่อกัน
6. ผมตัดสินใจก่อตั้งพรรคการเมืองและลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะต้องการฟื้นความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยกลับมาอีกครั้ง ต้องการยุติวงจรรัฐประหาร นำกองทัพออกไปจากการเมือง สถาปนาหลักการรัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ นำประเทศไทยออกจากวิกฤตความขัดแย้ง และเดินหน้าไปสู่อนาคตแบบใหม่ร่วมกัน มีแต่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้นที่สามารถช่วยธำรงรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ดำรงอยู่ต่อไปด้วยพระเกียรติยศ พระบารมี และสง่างามทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ.
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์