นายอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ เรียกประชุมด่วนทั้งคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานด้านความมั่นคง หลังเกิดเหตุระเบิดและกราดยิงโจมตีมัสยิดของชาวมุสลิมนิกายซูฟีบริเวณคาบสมุทรไซนาย ทางตอนเหนือของอียิปต์
กลุ่มหัวรุนแรงกว่า 40 คน ก่อเหตุระเบิดและกราดยิงโจมตีผู้คนในมัสยิดอัล-รอว์ดา เมืองบีร์ อัล-อาเบด จังหวัดไซไนเหนือ ประเทศอียิปต์ หลังเสร็จสิ้นการสวดมนต์เมื่อวานนี้ (ศุกร์) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 235 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คน นับเป็นการโจมตีนองเลือดรุนแรงที่สุด ตั้งแต่กลุ่มหัวรุนแรงเริ่มก่อเหตุโจมตีในคาบสมุทรไซไนในปี 2556 และรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของอียิปต์
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่กลุ่มหัวรุนแรงเครือข่ายนักรบรัฐอิสลาม หรือไอเอส เป็นกลุ่มที่ก่อเหตุโจมตีรุนแรงหลายครั้งในจังหวัดแห่งนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ว พวกเขามักโจมตีเป้าหมายทหารและโบสถ์คริสต์ การโจมตีมัสยิดครั้งนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ของกลุ่มหัวรุนแรงในไซไน
ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า มือปืนหลายสิบคน เดินทางมาถึงด้วยรถยนต์หลายคัน และโจมตีมัสยิดด้วยระเบิดก่อน จากนั้น ก็เปิดฉากกราดยิงเข้าใส่ประชาชน ขณะหลบหนีออกจากมัสยิด โดยกลุ่มคนร้าย จอดรถยนต์ปิดทางเข้า-ออกมัสยิด แล้วกราดยิงอย่างเหี้ยมโหด ทั้งศพและกองเลือดเกลื่อนภายในมัสยิด ผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 100 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลายแห่ง และคนร้ายยังยิงโจมตีรถพยาบาลฉุกเฉินด้วย
ด้านประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี ผู้นำอียิปต์ ให้คำมั่นตอบโต้ด้วยกำลังอย่างรุนแรงสูงสุดหลังประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
สำนักข่าววิหคนิวส์