#ญาติน้องเมยแจ้งความตร.ยันคดีคืบ70%

พ.ต.อ.นิพนธ์ พานิชเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครนายก เปิดเผย ถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิต ของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ว่า ในส่วนของสำนวนคดีคืบหน้ากว่าร้อยละ 70 แล้ว โดยเหลือเพียงรอในส่วนของผู้เสียหายหรือญาติจะมาให้การเพิ่มเติมหรือไม่ มีพยานหลักฐานใหม่หรือไม่ รวมถึงรอผลการตรวจพิสูจน์อันสุดท้ายจากนิติวิทย์ เนื่องจากต้องเอาข้อมูลทุกด้านมาประกอบกัน หากได้ผลมาครบแล้วก็จะดูว่ามีจุดไหนขัดหรือแย้งกันหรือไม่ หากมีก็จะต้องเชิญแพทย์ผู้ชำนาญการแต่ละอย่างมาสรุปให้ได้ว่าข้อเท็จจริงควรเป็นในด้านไหน เพราะเหตุอะไร มีเหตุผลหรือไม่ ต้องยึดหลักการและเหตุผลตามหลักการสอบสวน ส่วนกรณีที่กองทัพแถลงสรุปสาเหตุที่น้องเมยเสียชีวิตจากโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันนั้นไม่เกี่ยวกัน กองทัพไม่ได้นำผลการสอบสวนมาให้ตำรวจ เนื่องจากเป็นผลการสอบภายในเหมือนข้าราชการทั่วไป เมื่อเกิดเหตุก็มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่าผิดระเบียบ ผิดวินัยอะไรหรือไม่ แต่ตำรวจจะดูข้อเท็จจริงว่าผิดกฏหมายอะไรหรือไม่ ย้ำว่ายึดตามพยานหลักฐาน และข้อกฎหมายเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (19 ธ.ค.) น.ส.สุพิชชา ตัญกาญจน์ หรือ เมี่ยง พี่สาวของน้องเมย และครอบครัว จะเดินทางไปยัง สภ.เมืองนครนายก เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย หลังจากผลการตรวจสกัดดีเอ็นเอจากชิ้นอวัยวะของเมยที่ทางทหารส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจหา ผลยังคลุมเครือ ไม่ชัดเจนว่าท้ายที่สุดแล้วเป็นชิ้นเนื้อของเมยจริงหรือไม่

ล่าสุดเมื่อช่วงเวลา 11.20 น. ครอบครัวตัญกาญจน์ หรือ ครอบครัวของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ (น้องเมย) ประกอบด้วย พ่อแม่ พี่สาว และ ญาติอีก 2 คน รวม 5 คน ได้เดินทางจาก จ.ชลบุรี มายัง สถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก เพื่อเข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และมารับผลชันสูตรอวัยวะจากทางนิติวิทยาศาสตร์ จากกรณีการเสียชีวิตที่สังคมให้ความสนใจ เบื้องต้น ทางครอบครัวยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่าจะเข้าแจ้งข้อหาอะไร รวมถึงแจ้งข้อกล่าวหากับใคร โดยบอกแต่เพียงว่าขอเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทางครอบครัวอยากจะบอกอะไรกับสังคม หรือยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นส.สุพิชา หรือ “เมี่ยง” พี่สาวของน้องเมย ระบุว่า ตนอยากขอขอบคุณสื่อมวลชน รวมถึงคนไทยทั้งประเทศที่คอยให้กำลังใจครอบครัวตัญกาญจน์ มาตลอด ซึ่งส่วนตัวยังคงมีความเชื่อมั่นในกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่อยู่

อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปจะมีการส่งผลชันสูตรต่อไปยัง สภ.บ้านนา เพื่อให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม โดย สภ.เมือง จะรับผิดชอบเพียงประเด็นการชันสูตรเท่านั้น ส่วน สภ.บ้านนา จะทำหน้าที่ในการดูแลคดีทั้งหมดเนื่องจากเป็นพื้นที่ตั้งของโรงเรียนเตรียมทหาร