เมื่อวันที่ 14 ก.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ โพสต์คลิปการจัดกิจกรรม “คาร์ม็อบ ขับรถยนต์ชนรถถัง 19 ก.ย.นี้” โดยเนื้อหาในคลิป ระบุว่า 19 กันยายน 2564 ครบรอบ 15 ปี การยึดอำนาจโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
15 ปีแห่งความอัปยศ กดหัวประชาชน 15 ปีที่อำนาจเผด็จการยึดกุมประเทศไทย ประชาธิปไตยที่กล่าวอ้างเป็นเพียงประชาธิปไตยทิพย์ ความเสียหาย ถดถอย ล้าหลัง ยังคงเกาะกินประเทศชาติและประชาชนจนถึงปัจจุบัน แม้เหตุการณ์จะอยู่ในช่วงเวลา 15 ปี แม้ในระหว่างนี้มีการรัฐประหาร 2 ครั้ง โดยคน 2 กลุ่ม แต่ผมยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเดียวกัน
การยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 โดยพลเอกสนธิ และการยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 โดยพลเอกประยุทธ์ คือเรื่องเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน ต้องการให้อำนาจนอกระบบมีอิทธิพลเหนืออำนาจอธิปไตยของประชาชน วิกฤตความขัดแย้ง สังคมที่แตกแยก ล้วนเกิดขึ้นภายใต้เป้าหมายทางอำนาจของขบวนการนี้
ผมจะชี้ให้เห็นว่าการยึดอำนาจ 2549 กับการยึดอำนาจ 2557 เป็นหนังม้วนเดียวกันที่เอามาฉายซ้ำ ตอกย้ำว่าสังคมไทยไม่อาจหลุดพ้นจากเครือข่ายอำนาจนี้ ตราบเท่าที่พวกเขายังต้องการให้เป็นแบบนี้
เชื้อไฟของการรัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง เกิดจากกลุ่มประชาชนก่อตัวกันชุมนุมขับไล่รัฐบาล สนธิ ลิ้มทองกุล ไล่รัฐบาลทักษิณ สุเทพ เทือกสุบรรณ ไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ การชุมนุมเรียกร้องกดดันกลายเป็นกระแสสูง จนในที่สุดรัฐบาลทั้ง 2 ชุด ตัดสินใจยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
หลังการยุบสภาทั้ง 2 ครั้ง พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน ประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง ไม่ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระบวนการจัดการเลือกตั้งยังคงเดินหน้าต่อไป ท่ามกลางการขัดขวางทั้งของกลุ่มผู้ชุมนุม และพรรคการเมืองที่ไม่ลงเลือกตั้ง มีการขัดขวางการรับสมัคร ขัดขวางการลงคะแนน จนในที่สุดกลายเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์ มีคนไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้ง 2 ครั้ง
ทั้ง 2 กลุ่มผู้ชุมนุมจงใจเสนอข้อเรียกร้องที่รัฐธรรมนูญไม่สามารถปฏิบัติได้ กลุ่มพันธมิตร ของ สนธิ ลิ้มทองกุล เรียกร้องนายกพระราชทานตามมาตรา 7
กลุ่มสุเทพ เทือกสุบรรณ กปปส. เรียกร้องการปฏิรูปประเทศ และนายกคนกลางจากการเสนอชื่อของประธานวุฒิสภา
นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คน ถูกกดดันให้ลาออกจากการรักษาการหลังยุบสภาไปแล้ว เมื่อมีการชุมนุมกดดันต่อเนื่อง องค์กรและเครือข่ายทางสังคมทั้งหลายซึ่งเป็นพวกเดียวกัน ต่างแสดงตัวสนับสนุนการชุมนุม ภายใต้ข้อเรียกร้องที่ไม่มีทางเป็นไปได้
ถึงที่สุดก็เกิดการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 และ 22 พฤษภาคม 2557 หลังรัฐประหารพลเอกสนธิ บุญยรัตกลินเชิญ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร่างรัฐธรรมนูญฉบับภายใต้แผนบันได 4 ขั้นของ คมช. ปฏิเสธการมีอำนาจของพรรคไทยรักไทย
แต่ด้วยระยะเวลาที่รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์อยู่เพียงปีเศษ และกติกาใหม่ในรัฐธรรมนูญ 50 พรรคประชาธิปัตย์ยังคงพ่ายแพ้พรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้ง รัฐประหาร 2549 จึงถูกเรียกว่า “รัฐประหารเสียของ”
คสช. โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงทำซ้ำไม่ให้เสียของ แต่บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนเสียชีวิตพินาศวอดวายในปัจจุบัน และตลอดเวลา 15 ปีนายทหาร 3ป. กลุ่มนี้ มีบทบาทสำคัญทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
2549 พลเอกประวิตรเป็นอดีตผบ.ทบ. พลเอกอนุพงษ์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คุมกำลังสำคัญรัฐประหาร
หลังจากนั้นคนกลุ่มนี้เป็น ผบ.ทบ.ต่อเนื่องกัน มีการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร มีการปราบปรามประชาชน จนบาดเจ็บล้มตายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และสมคบคิดกับขบวนการ กปปส. จนยึดอำนาจปี 2557
คสช. อยู่ยาว 5 ปี มีรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาให้มีนายกรัฐมนตรีชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น และครองอำนาจยาวนาน โดยมี ส.ว. ลากตั้ง 250 คน เป็นหลักประกันที่จะอยู่ต่อไป
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องเดียวกัน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาทำตามอำเภอใจ และมันเกิดขึ้นได้เพราะเขาไม่เห็นหัวประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน
แน่นอนว่าอาจจะมีคนจำนวนหนึ่งเห็นด้วย แต่ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับและไม่ต้องการสิ่งนี้ ตลอดเวลาจึงมีการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของผู้คนหลากหลาย และในวันที่ 19 กันยายนนี้จึงขอเชิญพี่น้องทุกคนทุกกลุ่มแสดงพลังร่วมกันอีกครั้ง
หลังรัฐประหาร 19 กันยา “นวมทอง ไพรวัลย์” คนขับแท็กซี่ธรรมดา ขับแท็กซี่คู่ชีพพุ่งชนรถถังต้านรัฐประหาร ถ้าวันนี้รูปแบบคาร์ม็อบตอบโจทย์การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในสถานการณ์โรคระบาด “นวมทอง”ไพรวัลย์” ถือเป็นจิตวิญญาณผู้เริ่มต้นคาร์ม็อบในประเทศไทย
พบกันวันที่ 19 กันยายน 2564 14:00 น ที่แยกอโศก เคลื่อนขบวนคาร์ม็อบครั้งประวัติศาสตร์พร้อมกันทั่วกรุงเทพมหานคร
ตลอดขบวนมีสัญลักษณ์แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันทุกคันรถ ตลอดเส้นทางมีไฮไลท์เรื่องราวการต้านรัฐประหาร เรียกร้องประชาธิปไตย
วันเคลื่อนขบวนจะมีพี่น้องแท็กซี่ร่วม อุดมการณ์ไปกับเรา ทุกอย่างเริ่มต้นและจบลงโดยสันติวิธี ไม่บวก ไม่ลุย ไม่ปะทะ แต่เราจะขับรถยนต์ชนรถถัง
เรามาร่วมขบวนคาร์ม็อบครั้งประวัติศาสตร์ ประกาศศักดิ์ศรีของประชาชนให้เผด็จการได้แลเห็น
ตลอดเส้นทาง อยากทราบสายตามีเนื้อหาสาระและสัญลักษณ์มากมายให้เราแสดงออกร่วมกัน ช่วยกันทำให้ตลอดสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แสดงพลังตบหน้าเผด็จการ