เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยมีใจความสรุปว่า หลายคนเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขึ้นเวทีดีเบต แล้วมีกองเชียร์ถามว่า นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่เห็นมาดีเบตเลย นักการเมืองจะขึ้นเวทีดีเบตหรือไม่ถือเป็นสิทธิ์ พล.อ.ประยุทธ์ นส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงคนอื่นๆ ย่อมเท่าเทียมกันในแง่นี้ แต่การเทียบเคียงทั้ง 2 คนเรื่องดีเบตมีความแตกต่างที่จะชี้ให้เห็น นส.ยิ่งลักษณ์ เพิ่งเปิดตัวทำงานการเมือง เวลาหาเสียงมีเพียง 49 วัน ทีมงานเห็นตรงกันว่าต้องทุ่มเทเวลาลงพื้นที่สัมผัสประชาชนจะเกิดประโยชน์สูงสุด ตนปราศรัยร่วมคณะ บางวัน 14 เวที กินข้าวในรถเป็นเรื่องปกติ ในที่สุดก็สำเร็จ ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจมาเป็นนายกฯ มาเกือบ 5 ปี มีอำนาจรัฐจัดการคนเห็นต่าง เขียนกติกาเอง ตั้งพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจ กุมความได้เปรียบทุกรูปแบบ การขึ้นเวทีดีเบตจึงหมายถึงการสร้างความชอบธรรมให้พอมีอยู่บ้างในการเลือกตั้งครั้งนี้
คนอื่นจะออกทีวีต้องเฉลี่ยเวลากัน สถานีเชิญใครเฉพาะบุคคลต้องระวังผิดกฎกกต. จะขึ้นเวทีพรรคก็ต้องแจงบัญชีค่าใช้จ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ออกทีวี คืนวันศุกร์ยึดเวลาออกทุกช่อง พูดคนเดียวไม่มีใครถาม ใครแย้ง ไม่ต้องแสดงค่าใช้จ่าย ใช้งบหลวงสบายๆ ไม่เรียกว่าเอาเปรียบแล้วจะเรียกว่าอะไร ถ้านั่งดีเบตกับนักการเมืองไม่ได้จะให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่าพร้อมเป็นนายกฯในวิถีทางประชาธิปไตย ที่เรียกร้องคงไม่มีใครอยากฟังนโยบาย วิสัยทัศน์อะไรหรอก เพราะฟังมา 5 ปีแล้ว มันเบื่อ แต่เป็นการเรียกร้องสำนึกประชาธิปไตยในตัวผู้มีอำนาจต่างหาก
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์