เมื่อวันที่ 19 ก.ย.65 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟสบุ๊ก “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ระบุว่า รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นจุดเริ่มต้นมหากาพย์ความขัดแย้งของสังคมไทย มาตลอด 16 ปี การชุมนุมของกลุ่ม พธม. ในช่วงปี 2548-2549 แม้จะมีขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์การเมืองได้
ถ้ากลุ่ม พธม. ยุติการชุมนุมไปหลังจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบสภา บ้านเมืองอาจไปอีกทางหนึ่ง และจะไม่มาสู่หนทางนี้ได้ กระทั่งเมื่อกองทัพและเครือข่ายชนชั้นนำทำรัฐประหาร จึงกลายเป็นการเริ่มนับหนึ่งของมหากาพย์ความขัดแย้ง
ก่อวิกฤตความแตกแยกของสังคมไทยยาวนานมาจนถึงวันนี้
16 ปีผ่านไป ตัวละครหลักในเหตุการณ์ยังคงอยู่ครบ ทั้งฝ่ายการเมือง กองทัพ และเครือข่ายอำนาจชนชั้นนำ ขณะเดียวกัน 19 กันยา 49 และผลพวงจากเหตุการณ์นั้น ก็ให้กำเนิดตัวละครใหม่ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง กระทั่งขบวนการหนุ่มสาว ที่ออกมาร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน เกิดการเรียนรู้อุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีนักประชาธิปไตยเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา
เครือข่ายชนชั้นนำและกองทัพที่มีอิทธิพลสำคัญในมหากาพย์ความขัดแย้งนี้ ก็ไม่ได้รอดพ้นความจากเสียหายที่ก่อไว้ เพียงยังทรงตัวอยู่บนรอยปริร้าวของตัวเองได้ชั่วคราว แต่วันหนึ่งความเสียหายร้ายแรงจะลุกลามไปถึง ถ้า 19 กันยายน 2549 เป็นการทำเพื่ออนาคตประเทศอย่างแท้จริง ตามที่คณะรัฐประหารกล่าวอ้าง วันนี้ก็น่าจะยอมรับกันได้แล้วว่า อนาคตของประเทศต้องการอะไร เด็กที่เกิดวันที่ 19 กันยายน 2549 พวกเขาจะอายุครบ 16 ปี และถ้าถามว่าอยากให้ประเทศไปทางไหน ผมเชื่อว่า 100% จะไม่ยอมไปกับการรัฐประหาร
แน่นอนว่าบ้านเมืองมาถึงวันนี้ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบ แต่คณะรัฐประหารในประเทศนี้ ไม่เคยมีความรับผิดชอบใดๆ ฉีกรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรมตัวเอง แสวงหาอำนาจ ผลประโยชน์ ซ่อนตัวอยู่ในวงจรอุบาทว์การเมืองไทยในนามคนดี
16 ปีแล้ว เด็กโตจนรู้ทัน จนเขาพากันมาไล่แล้ว อายเด็กมันบ้าง ฟังเด็กมันด้วย