ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ผู้เขี่ยวชาญด้านกฎหมาย ได้โพสข้อความระบุว่า ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนั้น เป็นความผิดต่อศาล และการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลย่อมเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ
แม้ โจทก์กับจำเลยปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย อันเป็นการหลอกลวงศาลให้หลงเชื่อถึงอำนาจในการทำการแทนจำเลย เป็นการละเมิดอำนาจศาล ขอให้ศาลกำหนดโทษแก่ผู้ที่กระทำความผิด และเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่เกิดจากการหลอกลวงศาลนั้น เมื่อพยานหลักฐานของผู้ร้องฟังไม่ได้ว่ามีการละเมิดอำนาจศาลเกิดขึ้น จึงให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสียคดีย่อมถึงที่สุดตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14822/2551
อีกทั้งจำเลยไม่ได้ยื่นใบแต่งทนาย ต. ให้เป็นทนายของจำเลยต่อศาลชั้นต้นและทนายจำเลยได้ลงชื่อในฐานะทนายจำเลยโดยไม่ได้ยื่นใบแต่งทนายเข้ามาในสำนวนนั้นก็หาใช่เป็นการละเมิดอำนาจศาล
กรณีเป็นเรื่องผิดระเบียบ แต่เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่รู้กันอยู่ทั้วไปว่าทนาย. ต .เป็นของทนายจำเลยมาโดยตลอด
น่าเป็นเรืองผิดหลงของทนายจำเลย ประกอบกับโจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้คัดค้านการดำเนินขบวนพิจารณาที่ผิดหลง
จึงมีเหตุอันสมควรที่จะสั่งให้จำเลยแก้ไขข้อผิดระเบียบนั้นเสียก่อน โดยการยื่นใบแต่งเข้ามาใหม่ได้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2536
สำนักข่าววิหคนิวส์