ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์ทางการเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า การให้ ผ่านงบประมาณประจำปี ให้มีเสียงข้างมากให้โหวตผ่าน ไม่ได้เป็นเรื่องยาก ถ้าเข้าใจหลักการดำเนินการเชิง ยุทธศาสตร์การเมือง การปกครอง
เพียงใช้หลักเชิงการบริหาร เชิงวิสัยทัศน์ และภาพลักษณ์ ก็จะสามารถได้แรงสนับสนุนจากในสภา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน พรรคเล็กที่แตกไป หรือ พรรครัฐบาลด้วยกันเอง หากทำไม่ได้รัฐบาลก็จะล้มลง ยุบสภา ชนะศึก แต่จะแพ้สงคราม จำเป็นต้องลาออก แล้วต้องอยู่อย่างไร้เกียรติ หรือถูกขับไล่
แผนของฝ่ายแค้น มีหลักสำคัญคือ จัดม็อบควบคู่กับการต่อต้าน กดดัน โดยมีเป้าหมายล้มในสภาเป็นสำคัญ จึงเริ่มจัดม็อบมาทุกวันอาทิตย์ในพระนคร ปลุกกระแสขับไล่ ควบคู่การเดินสายปลุกระดม เพื่อแก้ไขรธน. ตามสูตรทางการเมืองเดิมๆของทักษิณ จนเกิดเหตุการณ์เมษาจราจลปี 2552 และพฤษภาทะเลเพลิง ปี 2553
โดยมีหลักการต่อต้าน แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ นายก ธรรมนัส และเสธไก่อู เป็นสำคัญ ทั้งกรณีถวายสัตย์ คุณสมบัติ วุฒิการศึกษาปลอม และทุจริต ที่มีเป้าหมายคือ จัดม็อบมารวมพลยังกทม.ในยามผ่านร่างงบประมาณ โดยอ้างมาเรียกร้องแก้รธน. โดยหลอกให้มาตายเหมือนเดิม อ้างแก้แล้วปากท้องจะดีขึ้น แต่มีเป้าหมายขับไล่ ให้ฝ่ายตนเองมาเสวยอำนาจ ก็แค่นั้นเอง
ที่ผ่านมาได้พลิกกระดานทางการเมือง ในระยะเวลาเพียง 3 วัน ยึดหลักโชว์วิสัยทัศน์ และภาพลักษณ์ “ตายเพื่อเกิดใหม่” เริ่มต้นวันที่ 17 กันยายน 2562 ที่เปิดรับบริจาค ช่วยเหลือภัยพิบัติน้ำท่วม มีนักร้อง นักแสดง กองหนุน มาร่วมสนับสนุนเป็นจำนวนมาก
18 กันยายน 2562 พลิกเกมส์ในสภา ไม่หนีเข้าประชุม เปิดให้รองนายกฝ่ายกฎหมายตอบคำถามการถวายสัตย์ ที่ยึดหลักการยกคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญ
19 กันยายน 2562 ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม พบปะกับประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม โดยยึดหลักชาตินิยม เพียง 3 วันก็พลิกภาพลักษณ์ให้ดีขึ้นได้ หลังถูกถล่ม ภาพติดลบมา ถึง 4 เดือนเต็มๆ แม้จะไม่ดีมาก แต่ก็ดีกว่าระยะเวลาที่ผ่านมาสิ่งเหล่านี้คือหลักเชิงการบริหาร ที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร ถ้าเข้าใจหลัก
การเอาเงินมาแจก ให้เที่ยวคนละ 1 พัน จะทำให้นักบริหาร กลายเป็นตัวตลกของประชาชน นักลงทุนจะไม่กล้าลงทุน เพราะจะทำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ ที่บริหารประเทศไม่เป็น ได้แต่แจกเงิน ขึ้นภาษี แล้วบริหารขาดดุลจนต้องไปกู้ยืมเงินจากต่างชาติ คนที่สิ้นไร้ไม้ตอก ไร้ปัญญาเท่านั้นที่ทำ เพื่อรักษาอำนาจ
การโชว์วิสัยทัศน์ และการสร้างภาพลักษณ์ จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่นักบริหารจะต้องเริ่มทำจากสิ่งนี้ก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น นอกและในสภา โดยต้องเริ่มจากนอกสภาก่อน เมื่อภาพลักษณ์ดี ในสภาจะปฏิเสธไม่ได้ที่จะสนับสนุน ใครค้าน ต่อต้านก็จะกลายเป็นสิ่งที่สังคมรังเกียจ ถูกต่อต้านทางสังคมโดยอัตโนมัติ
เมื่อกลับมาถึงจึงควรไปทบทวนบทความก่อนหน้านี้ อย่างละเอียด แล้วเร่งดำเนินการ จากนั้นควรลงพื้นที่กทม. เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการรับมือน้ำท่วม ที่น้ำเหนือกำลังไหลบ่าลงมายังพระนคร จำลองสถานการณ์ การอพยพประชาชน การไหลของน้ำ เตรียมตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย การสนธิกำลัง อย่างเป็นทางการ
จากนั้นจึงควรลงไปพื้นที่ภาคใต้ เพื่อไปแก้ปัญหาควันพิษที่กำลังเข้ามาปกคลุมในหลายจังหวัด อันเกิดจากการแผ้วถาง เผาป่า เพื่อปลูกพืช ของ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่ส่งผลกระทบมายังไทย ควรให้ฝนหลวงเข้าไปช่วยแก้ไข แจกหน้ากากกันฝุ่น ให้สาธารณะสุข เตือนภัยจากควันพิษ
ในคดีลัลลาเบลนั้น ลากยาวได้ไม่เกินสิ้นเดือนกันยายนนี้ เท่านั้น อย่าขยับหมากมั่ว จะทำให้เละจะมีปัญหาในคดีในภายหลัง เหมือนที่เกิดมาในหลายคดี ที่สุดท้ายก็ยกฟ้อง ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
หากสามารถทำภาพลักษณ์ และโชว์วิสัยทัศน์ได้ดี เสียงในสภาจะเริ่มดีขึ้น อันจะส่งผลดีต่อการเลือกตั้งซ่อม อย่างน้อย 3 จังหวัด ในยกแรก ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นให้รอก่อน ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม แล้วถึงเวลางูเห่า ก็จะไหลลงหม้อ แต่โดยดี แบบเต็มอกเต็มใจ สมยอมไม่ต้องบังคับ ใจเย็นๆ สิ่งเหล่านี้คือศาสตร์ และศิลป์ ที่รวมเรียกว่า ยุทธศิลป์ นั้นเอง
“ เดินการเมืองก็เหมือนเดินหมากรุก พลาดหมากเดียว ล้มทั้งกระดาน “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
25 กันยายน 2562