10 พฤษภาคม 2561 ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ได้โพสข้อความระบุว่า ในที่สุด พรรคของมหาเธร์ โมฮัมหมัด ชนะการเลือกตั้งมาเลเซีย สะท้อนการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ ที่ไทยจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะต้องเกิดการเจรจาอีกรอบ
การเปลี่ยนแปลงรอบๆไทย ทั้ง พม่า มาเลเซีย และเขมร กำลังส่งผลให้ไทย จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ใน 3 ชาติ เลือกเปลี่ยนแปลงโดยเลือกตั้ง แต่ไทยจะเปลี่ยนแบบไหน ก็เท่านั้นเอง
ไทยต่างจากมาเลเซีย-พม่า เพราะอยู่ในรัฐบาลรัฐประหาร ไทยที่มาถึงจุดนี้ได้ เพราะขาดความแม่นยำในยุทธศาสตร์ ไม่ธำรงค์ความมุ่งหมาย เดินตามสถานการณ์ มองการเมืองเท่าตามองเห็น ไม่ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ดั่งสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ แต่ดันทะลึ่ง “เลือกตั้งก่อนปฏิรูป”กลับเข้าวงจรอุบาทว์
ติดกับดักการเมือง ของนักโกงเมือง ล่อเข้าสู่เลือกตั้ง แล้วจัดม๊อบกดดัน ข้าราชการจึงเกียร์ว่าง จนต้องปลดแล้วปลดอีก ย้ายแล้วย้ายอีก ทุจริตประชานิยมก็พ่นพิษ เจ้าสัวครองเมือง ทุจริตบานปลายไปทุกหย่อมหญ้า จนต้องพักงาน ไล่ออก ดำเนินคดี ข้าราชการ พลเรือน จำนวนมาก
ยังไม่ทันปลดล๊อคการเมือง ก็ถูกโจมตีด้วยวาทกรรม “เผด็จการ” ยิ่งดูดนักโกงเมืองมาร่วมทีม “แนวร่วม” ก็จะกลายเป็น “แนวต้าน” ติ่งก็หดหาย หากประกาศวันเลือกตั้งวันใดขั้นตอนต่อไปก็จะถูกโจมตี แฉทุจริตที่สะสมมานาน แพ้เลือกตั้ง สิ่งที่ทำมาก็พินาศล่มจม “เสียของ” หากชนะเลือกตั้งด้วยวิธีใดก็ตามก็จะถูกกล่าวหาว่า “โกง” สุดท้ายก็จะเกิดม๊อบขับไล่ จากนิสิต นักศึกษา ประชาชน ตามสูตรการเมืองไทย ตลอด 86 ปีที่ผ่านมา เกมส์จึงไม่ว่าจะมารูปแบบไหน ก็จะเป็นเกมส์ลบ
ทางออกของชาติที่จะยุติ วงจรอุบาทว์ที่วนไปมา ตั้งแต่คณะราษฏร ได้ยึดอำนาจรัชกาลที่ 7 เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 เวลา 06.00 น. หลอกนร.นายร้อยมาซ้อมรบที่พระบรมรูปทรงม้า ที่อ้าง “ประชาธิปไตย” คือการ “ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง” ประเทศจึงจะหลุดพ้นวงจรอุบาทว์นี้ไปได้
ตอนนี้ชาติเดินมาตามยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศ ตั้งแต่ 12 มีนาคม 2553 อันเป็นวันครบรอบวันเกิดของ พณฯไกรสร ตันติพงศ์ อดีตรัฐมนตรี สส.หลายสมัย ปรามาจารณ์ทางการเมือง จนเกิดปรากฎการณ์ต่างๆมากมาย ล้มตาย บาดเจ็บ พิการก็มิน้อย เรามาเกินค่อนทางแล้ว เดินต่ออีกนิดเดียว เพียงตั้งรัฐบาลพลเรือน นำคนที่ชำนาญ เชี่ยวชาญด้านปฎิรูป การเมือง เศรษฐกิจ นำทุกพรรค ทุกพวก ทุกสี มาร่วมกันปฏิรูปประเทศ แค่นี้ชาติก็จะพ้นภัย
หากปฏิรูปโดยพลเรือนหลังการเลือกตั้ง ใครก็จะอ้างว่าปฏิรูปโดยเผด็จการมิได้ หากปล่อยต่อไปฝ่ายต่อต้านก็จะเร่งนองเลือด ตามสูตรการยึดอำนาจคืนจากรัฐบาลทหารที่มีมากว่า 86 ปี ที่ทุกคณะจะล่มลง โดนเอาคืนอย่างสาสม เพราะม๊อบประชาชน ปัญหาปากท้อง ทุจริตคอรัปชั่น เป็นสำคัญ
แต่ละประเทศมีปัญหาที่ต่างกัน มีกุศโลบาย หรืออุบายที่เป็นกุศล ที่แตกต่างกัน หากคิดจะใช้เพทุบาย หรือ เล่ห์กลอุบาย หวังเพียงเอาชนะโดยไม่สนชีวิตใคร เดินเกมส์การเมืองเหมือนในอดีตที่ผ่านมา มันจะยิ่งสร้างความขัดแย้ง ร้าวลึก รุนแรงมากขึ้น
ในรัชสมัยแห่งรัชกาลที่ 10 จึงควรเป็นยุคแห่งการ ”ปฏิรูปประเทศ” ดั่งรัชกาลอื่นๆได้ทรงสร้างสัญลักษณ์อันเป็นที่น่าจดจำ จากอดีตตราบจนถึงปัจจุบัน ยุค แดนซิวิไลซ์ จะได้เกิด แผ่นดินใหม่ แผ่นดินแห่งธรรม สังคมธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข จะเกิดขึ้นตามหลักยุทธศาสตร์ของชาติไทย เข้าสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ก้าวสู่สันติสุข ที่จะส่งผลดีมั่นคงต่อรัชกาลที่ 11 ที่จะครองราชช่วงทรงพระเยาว์หรือหนุ่มแน่น ความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งพสกนิกร ราชวงค์จะมั่นคง สืบต่อไปต่ออีกอย่างน้อย 50 ปี
“การเมือง การปกครอง ต้องมองให้ลึกไปกว่าตาเนื้อ จึงจะเข้าใจอดีต มองเห็นปัจจุบัน และหยั่งรู้อนาคต”
สำนักข่าววิหคนิวส์