การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสด ที่นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ถามนายกรัฐมนตรีที่มีข้อสงสัยต่อเหตุการณ์บ้านเมืองและเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาตอบแทน
นายชลน่าน กล่าวว่าเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ส.ว.สหรัฐจำนวน 9 คนเรียกร้องต่อรัฐสภาไทย เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
และจะเสนอให้วุฒิสภาสหรัฐมีมติสนับสนุนการใช้สิทธิการชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย ขณะเดียวกันสหภาพยุโรปได้ผ่านกฎหมายสั่งคว่ำบาตรผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ชื่อ “กฎหมายแม็กนิตสกี” จึงไม่อยากให้การตัดสินใจของคนคนเดียวในรัฐบาลทำให้เสียหายทั้งราชอาณาจักร จึงอยากถามว่าทราบหรือไม่ว่าสาระสำคัญของข้อมติ ส.ว. ที่จะเรียกร้องต่อวุฒิสภาสหรัฐ และข้อกฎหมายที่มีอยู่จะออกมีสาระสำคัญอย่างไร และข้ออ้างมีการพูดถึง การเข้าไปยึดอำนาจ เป็นที่มาของข้อเสนอ 5 ข้ออยากทราบว่า เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ และข้อเสนอเหล่านั้นถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยหรือไม่ และจะส่งผลกระทบ ต่อประเทศอย่างไรและใครต้องรับผิดชอบบ้าง
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าในสหรัฐ ไม่ได้มีใครสนใจ และไม่ถือเป็นปัญหา แต่ในส่วนของไทยได้ตรวจสอบเรื่องนี้ทันที และจากการตรวจสอบ พบว่าร่างนี้จะตกไปก่อนที่จะนำเสนอ แต่ได้ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของข้อเสนอดังกล่าว มีข้อสมมติฐานอยู่ 2 ประการ คือ มีการแลกผลประโยชน์กัน ของผู้ที่สนใจ และมาจากการล็อบบี้ของคนข้างนอกซึ่งจากการตรวจสอบพบหลักฐานมากมาย
“เราพอจะทราบเป็นนัยๆ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทางสถานทูต ได้ตรวจสอบท่าที ซึ่ง ไม่มีผลในการบังคับใช้ใดๆ แต่เรื่องนี้ในประเทศไทยถูกกระพือเป็นพิเศษด้วยหลายสาเหตุ และสหรัฐมีเรื่องอื่นหลายเรื่อง ในสภา ดังนั้นพวกนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจ แต่เราก็พยายามมีท่าที โดยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมได้มีหนังสือ 9 ฉบับเพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และความสัมพันธ์ของไทยกับสหรัฐ เพราะสิ่งที่ปรากฏในร่าง ไม่ใช่ข้อความที่เป็นจริงทั้งหมด และสิ่งที่ออกมา ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของสหรัฐ” นายดอน กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่ากระทรวงการต่างประเทศ ได้สอบถามทางสถานทูตอเมริกันในประเทศไทย ก็ได้คำตอบเดียวกัน ทราบดีว่าไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ แต่กลับชื่นชมที่สถานการณ์การประท้วงเป็นไปด้วยความสงบ และชื่นชม รัฐบาลไทยที่สามารถดูแลให้เกิดความเรียบร้อย
และถือเป็นเรื่องปกติที่กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศย่อมมีปัญหาและเชื่อว่า ไทยจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ทางการเมืองได้ในที่สุด
จึงตอบคำถามได้ว่าไม่มีการแทรกแซงภายในของไทยจากสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ตระหนักดีถึงความห่วงใย และยังติดตามต่อไป ถึงที่มาของข้อมติดังกล่าว ซึ่งได้กลิ่นของการล็อบบี้และขอให้ “ใจร่มๆ” รับมือกับท่าทีของปฏิกิริยาต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงกรณีของสหรัฐหลายโอกาสแล้ว ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือมองข้าม และมีท่าทีอย่างเหมาะสมไม่ใช่ “มวยวัด” ที่จะต้องโต้ตอบทันทีเพราะจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในอนาคต