ที่รัฐสภา นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย (รป.) แถลงว่า จากกรณีที่พรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านเสนอนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ วันนี้พรรครักษ์ผืนป่าฯ มีจุดยืนใน 3 เรื่อง หากรัฐบาลรับลูกดำเนินการตาม เราก็พร้อมถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ได้แก่ 1.กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินการมอบที่ดินทำกินของราษฎรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังน้ำเขียว ป่าครบุรี ป่าแก่งดินสอ ป่าแก่งใหญ่ และป่าเขาสะโตนของกรมป่าไม้ มอบให้ สปก. ภายใน 120 วัน เพื่อนำไปให้กลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งไปทำประโยชน์นั้น
นายดำรงค์ กล่าวต่อว่า วันนี้มีพื้นที่ ส.ป.ก.บวมในพื้นที่อุทยานฯ ทับลานถึง 8,000 ไร่ ที่ไปลักไก่ออกและการ์มองเต้รีสอร์ทก็อยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ ส.ป.ก.ไปแล้ว ทั้งนี้พื้นที่อุทยานฯ ทับลานได้มีการผ่อนผัน ทำกินให้กับราษฎรที่ยากจนอยู่แล้ว ตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 แต่ไม่ให้กับกลุ่มทุน หรือผู้มีอันจะกินเข้าไปหาผลประโยชน์ โดยอ้างเรื่องความยากจน และได้จับกุมผู้ที่ไปซื้อต่อจากชาวบ้านเป็นส่วนใหญ่ อีกครั้งการดำเนินการใดๆ จะทำในที่ใดที่หนึ่งไม่ได้ จะต้องนำไปปฏิบัติทั่วประเทศ และต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรประเทศไม่ว่าจะเป็นป่าไม้และสัตว์ป่าโดยเฉพาะพื้นที่อุทยานฯ ทับลานที่เป็นมรดกโลก
นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า 2.กรณีโฉนดทองคำ ซึ่งเป็นแนวคิดของนักการเมืองบางพรรค ที่จะนำพื้นที่ปฏิรูปที่ดินไปออกเอกสารสิทธิให้กับเกษตรไปแปลงเป็นโฉนด เพื่อนำไปซื้อขายได้ ซึ่ง ส.ป.ก. ได้นำพื้นที่จากกรมป่าไม้ไป 32 ล้านไร่ แต่ได้มีการเปลี่ยนมือไปแล้วประมาณ 10 ล้านไร่ ดังนั้นราษฎรเหล่านี้หลังจากขายที่ดินไปแล้วก็จะรุกป่าต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด การแก้ปัญหา ส.ป.ก.ที่ดีที่สุดคือให้ราษฎรที่ขายที่ดินไปแล้วมาเป็นพยานให้กับรัฐ ว่าขายให้ใครและมอบคืนที่ดินให้กับเจ้าของเดิมที่ขายไปแล้ว มาเป็นพยานให้ โดยมอบที่ดินครึ่งหนึ่งให้เป็นของเจ้าของเดิมและอีกครึ่งหนึ่งเป็นของหลวงเพื่อจัดให้คนที่ไม่มีที่ทำกินต่อไป ที่สำคัญต้องทำแหล่งน้ำในพื้นที่ ส.ป.ก.ให้ทั่วถึง เพื่อผลประโยชน์ของเกษตรกร
หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าฯ กล่าวอีกว่า 3. กรณีคณะกรรมการรณงค์เร่งรัดโครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน สายคลองลาน-อุ้มผาง ภาคประชาชน (ครคอป.) เสนอรัฐบาลให้ตัดถนน คลางลาน-อุ้มผาง ขึ้นมาใหม่จากที่เคยระงับไปแล้ว โดยมีพรรคการเมืองบางพรรครับขอเสนอไว้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผลกระทบมหาศาลเพราะปัจจุบันมีกลุ่มชาติพันธ์ุอยู่อาศัยจำนวนมาก รวมทั้งผู้อพยพมาใหม่และเก่าบุกรุกป่าต้นน้ำลำธาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการปลูกข้าวโพด 1 แสนกว่าไร่ ในพื้นที่ป่าสงวนฯ อุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ามีถนนเมื่อไรจะทำให้มีการบุกรุกปลูกพืชเชิงเดี่ยวทำลายน้ำลำธารมากขึ้นและควบคุมไม่ได้
“จากนี้ก็จะรอดูท่าทีของรัฐบาล หากรับลูกเรื่องใดเรื่องหนึ่งใน 3 เรื่องดังกล่าวพรรครักษ์ผืนป่าฯ ก็พร้อมจะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลทันที ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เคยพูดคุยในวิปรัฐบาลแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด และต้องรอดูท่าทีที่ชัดเจนของรัฐบาลก่อน” นายดำรง กล่าว
เมื่อถามว่า จะไปร่วมเป็นฝ่ายค้านกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์หรือไม่ นายดำรงค์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ตนต้องการปกป้องทรัพยากรของประเทศนายมงคลกิตติ์ ก็เป็นฝ่ายค้านอิสระของเขาไป ตนก็เป็นพรรคการเมืองประจำรัฐสภา ต่อข้อความว่า การออกมาเคลื่อนไหวนี้จะเป็นการตีรวนเหมือนกลุ่ม 10 พรรคเล็กหรือไม่ นายดำรงค์ กล่าวว่า ไม่ใช่การตีรวน ตนไม่ต้องการตำแหน่งใดๆ เรื่องทรัพยากรฯ เป็นเรื่องของประเทศชาติ ตนมีสิทธิ์ที่จะออกมาปกป้องตามจุดยืนของพรรค
สำนักข่าววิหคนิวส์