ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ดีเอสไอแถลงผลงานรอบปี ดำเนินคดีพิเศษไป 291 คดี เรียกคืนหรือรักษาผลประโยชน์ของรัฐกลับมาได้ 107,220 ล้านบาท จาก 84 คดี สุดหรูนับแต่ปี 2547

#ดีเอสไอแถลงผลงานรอบปี ดำเนินคดีพิเศษไป 291 คดี เรียกคืนหรือรักษาผลประโยชน์ของรัฐกลับมาได้ 107,220 ล้านบาท จาก 84 คดี สุดหรูนับแต่ปี 2547

27 December 2017
771   0

ไทยโพสต์ – เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ, พ.ต.ท.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ, พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ, พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิลรองอธิบดีดีเอสไอ และผู้บัญชาการสำนักคดีต่างๆ แถลงผลงานรอบปีที่ผ่านมา และเป้าหมายในปี 2561

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2560 ดีเอสไอมีการดำเนินคดีพิเศษไป 291 คดี สอบสวนเสร็จไป 124 คดี เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 120 คดี เรียกคืนหรือรักษาผลประโยชน์ของรัฐกลับมาได้ 107,220 ล้านบาท จาก 84 คดี จากเป้าหมายตั้งไว้ที่ 15,000 บาท เมื่อรวมคดีตั้งแต่ปี 2547-2560 รับเป็นคดีพิเศษ 2,382 คดี, สอบสวนเสร็จ 1,997 คดี, ส่งพนักงานอัยการ 1,601 คดี, อยู่ระหว่างการสอบสวน 385 คดี, ส่ง ป.ป.ช. 134 คดี, ส่ง ป.ป.ท. 3 คดี และเปรียบเทียบปรับ 259 คดี เรียกคืนหรือรักษาผลประโยชน์ของรัฐกลับมาได้ 352,680 ล้านบาท

เขากล่าวว่า การรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทางช่องทางต่างๆ อาทิ มายื่นหนังสือร้องทุกข์เอง โทรสายด่วนดีเอสไอ 1202 ร้องผ่านเว็บไซต์ ผ่านเฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชันดีเอสไอ 2,326 เรื่อง และในปี 61 ดีเอสไอจะสนองนโยบาย อำนวยความยุติธรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมตามที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม ได้ให้ไว้

ด้าน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ที่ดูแลด้านคดีค้ามนุษย์ฯ เผยว่า ปี 60 ที่ผ่านมา ดีเอสไอดำเนินการจับกุมและช่วยเหลือเหยื่อไป 7 คดี สอบสวนเสร็จ 4 คดี อีก 3 คดียังสอบสวนไม่เสร็จ นอกจากนี้กำลังสืบสวน 23 เรื่อง สืบสวนเสร็จ 9 เรื่อง และกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง 5 เรื่อง เสร็จแล้ว 2 เรื่อง ซึ่งการดำเนินการคดีค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลไทยได้รับการปรับรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา จาก Tier 3 เป็น Tier 2 หลังจากนี้จะพัฒนาการทำงานและประสานงานกับชาติอื่นๆ เพื่อร่วมมือกันในการทลายขบวนการค้ามนุษย์ให้มากขึ้น

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ที่ดูแลด้านคดีฉ้อโกงที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก คดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และคดีติดตามจับกุมตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า ในส่วนคดีฉ้อโกงประชาชนนั้น ล่าสุด เช้าวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหา 16 ราย ในคดีแอบอ้างเป็นเจ้ามอญไปส่งฟ้องสำนักงานอัยการ ข้อหาร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ฯ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันอั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันฟอกเงิน ตามขั้นตอนกฎหมาย

เขากล่าวว่า การติดตามพระธัมมชโยนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นอาคารดาวดึงส์ ภายในวัดพระธรรมกายในยามวิกาล หลังทราบข่าวจากแหล่งข่าวว่าพระธัมมชโยได้แอบเข้ามาที่วัด เมื่อไปตรวจก็ไม่พบตัวตามที่มีข่าว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนทางลับและหาข่าวต่อไป

ขณะที่ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ ดูแลด้านคดีรถหรู เปิดเผยว่า คดีรถหรูเลี่ยงภาษี ดีเอสไอกำลังสืบสวน 134 คดี โดยพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังบริษัทรถยนต์ที่ประเทศอังกฤษ อิตาลี และญี่ปุ่น เพื่อขอราคากลางมาประเมิน กว่า 9,000 รายการ แต่มีตอบกลับและให้ราคากลางมา 1,383 รายการ จากนั่นกรมศุลกากรได้คำนวณภาษีที่ขาดไปกว่า 9,070 ล้านบาท และขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังรอราคากลางรถคันอื่นๆ อยู่ และทำการสืบสวนต่อไปตามขั้นตอนกฎหมาย

พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีดีเอสไอ ดูแลด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและกลุ่มลูกหนี้เกษตร กล่าวว่า ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบการบุกรุกที่สาธารณะและอุทยานแห่งชาติ รับเป็นคดีพิเศษ 6 เรื่อง อยู่ระหว่างทำคดี 3 เรื่อง อีก 3 คดีขาดอายุความ ส่วนใหญ่คดีสำคัญคือ การบุกรุกที่อุทยานสิรินาถ จ.ภูเก็ต โดยเจ้าหน้าที่เรียกคืนและเอาประโยชน์กลับคืนสู่รัฐได้กว่า 5,000 ล้านบาท

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ในส่วนคดีฟอกเงินของผู้บริหารกรุงไทย (จำกัด) ปล่อยกู้ให้เครือกฤษดามหานคร โดยคดีหลักพนักงานสอบสวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว 13 คน ข้อหาฟอกเงิน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.60 และคดีอยู่ระหว่างการดำเนินการชั้นอัยการ

ส่วนกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร กับพวกรวม 4 คน ที่รับเช็คจากกลุ่มกฤษดานคร และถูกดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินด้วยนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้นำเตรียมข้อเรียกร้องของนายพานทองแท้ ว่าไม่เข้าข่ายข้อหาฟอกเงิน เข้าที่ประชุม และกำลังรวบรวมสำนวนคดีส่งฟ้องอัยการตามขั้นตอน ขอยืนยันว่าดีเอสไอทำตามพยานหลักฐานและกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา

สำหรับทิศทางการทำงานในปี 2561 ทางดีเอสไอ ยังยึดหลักการบริหารงานที่สำคัญคือ อำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ขจัดความทุกข์ยาก สร้างประชาสามัคคี ส่งเสริมคนดีสู่สังคม ประกอบตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล แต่จะมีการเรียนการขับเคลื่อน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญต่อการปกป้องและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทางปัญญา การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ทั้งนี้ ดีเอสไอต้องดำเนินคดีพิเศษให้แล้วเสร็จไม่น้อยกว่า 120 คดี และรักษาผลประโยชน์รัฐและประชาชนปีละไม่น้อยกว่า 16,000 ล้านบาท.

สำนักข่าววิหคนิวส์