ข้อ 1. เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา หัวข้อ ‘แพทองธาร’ ลาออก กก.ธุรกิจเกลี้ยง 21 บริษัท- ‘อัลไพน์’ ด้วย หลัง ‘เศรษฐา’ พ้นวันเดียว ลงข่าวพร้อมภาพ โดยมีข้อความข่าวบางส่วน ดังนี้
“นายกฯ‘อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร’ ลาออก กก.ธุรกิจเครือชินวัตรเกลี้ยง 21 บริษัท มีสนามกอล์ฟอัลไพน์ด้วย พบ ทำหนังสือมอบอำนาจ 15 ส.ค.2567 ส่งลูกน้องยื่นจดทะเบียนกรมพัฒนาฯ 19 ส.ค. หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย‘เศรษฐา ทวีสิน’พ้นตำแหน่งคดีตั้ง‘พิชิต’ 14 ส.ค. เพียงวันเดียว
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 (นายกฯคนที่ 31 เป็นนายกฯสุภาพสตรีคนที่ 2 ของทำเนียบนายกฯ) และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ นักธุรกิจผู้มั่งคั่งของเมืองไทย ปูมหลังทางการธุรกิจ เป็นกรรมการบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 23 บริษัท ในจำนวนนี้เลิกดำเนินการ 2 บริษัท ยังเปิดดำเนินการ 21 แห่ง มูลค่าการถือหุ้นเกือบหมื่นล้านบาท ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานก่อนหน้านี้
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวได้มอบอำนาจให้บุคคลอย่างน้อย 3 คนยื่นจดทะเบียนลาออกจากกรรมการของนางแพรทองธารทั้ง 21 แห่งแล้ว ตัวอย่างดังนี้…” (มีตัวอย่างภาพเป็นเอกสารของ 4 บริษัท แนบ)
ข้อ 5. ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2544 นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1. ในฐานะนายกรัฐมมนตรี ได้โต้แย้งไว้ในข้อ 3.3 ดังนี้ “มติของผู้ร้องที่ว่า ผู้ถูกร้องจงใจยื่นบัญชีฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ เป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีบุคคลที่พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว เข้าร่วมประชุมและมีมติด้วย คือ คุณหญิงปรียา ฯ ซึ่งกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 297 วรรคสาม ประกอบกับมาตรา 258 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 11 วรรคสอง ประกอบกับมาตรา 11 วรรคหนึ่ง (3) โดยดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท วงศ์อมร จำกัด กรรมการและลูกจ้างทำบัญชีของบริษัท เกษมวนารมย์ จำกัด และยังคงดำรงตำแหน่งและเป็นลูกจ้างอยู่ในวันที่ได้รับเลือก และหลังวันที่โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตลอดมาจนถึงวันที่ลาออกจากกรรมการ ป.ป.ช. สำหรับตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท วงศ์อมร ฯ ก็เพิ่งจะลาออกเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2544 โดยอ้างเหตุว่า ลืมลาออก การดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ของคุณหญิงปรียา ฯ จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ฯ และผู้ร้องก็รู้เหตุที่คุณหญิงปรียา ฯ ต้องพ้นจากตำแหน่งก่อนที่ผู้ร้องจะมีมติกรณีของผู้ร้องในวันที่ 26 ธันวาคม 2543 เพราะในวันดังกล่าวมีประชาชนยื่นหนังสือต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. ให้ทราบถึงการดำรงตำแหน่งกรรมการและลูกจ้างของคุณหญิงปรียาฯ ผลของการที่ถือว่า คุณหญิงปรียาฯ พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ว่าจะถือว่า ไม่เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. มาตั้งแต่ต้น หรือพ้นจากตำแหน่งในภายหลัง ย่อมจะทำให้มติของผู้ร้อง ที่มีคุณหญิงปรียา ฯ เข้าประชุมด้วย หรือมีส่วนกระทำการหรือแสดงความคิดเห็น ใช้ไม่ได้ด้วย มติของผู้ร้องเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 ซึ่งมีคุณหญิงปรียา ฯ เป็นผู้รายงานผลการสอบสวนและร่วมประชุมอยู่ด้วย จนเป็นผลให้ผู้ร้องมีมติว่า ผู้ถูกร้องจงใจยื่นบัญชี ฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยกรณีของผู้ถูกร้องได้”