เอเอฟพีรายงานวันนี้(7 ก.ค)ว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติ โคลด โยเซฟ( Claude Joseph) แถลงว่าในเวลานี้เขาทำหน้าที่ปกครองประเทศและเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ยืนยันว่าทั้งตำรวจและทหารจะทำหน้าที่ให้ความปลอดภัยแก่ประชาชน
โดยในการแถลงข่าวการลอบสังหารผู้นำประเทศ โฌเวแนล โมอิส (Jovenel Moise)ระบุว่า “ประธานาธิบดีเฮติถูกลอบสังหารที่บ้านพักของเขาโดยกลุ่มชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษและภาษาสเปน” และเปิดเผยต่อว่า เหตุโจมตีเกิดขึ้นในเวลาราว 01.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นขณะที่ภริยาประธานาธิบดีเฮติได้รับบาดเจ็บต้องถูกส่งเข้ารับการรักษาพยาบาล
รอยเตอร์ระบุว่า ภริยาวัย 53 ปี มาร์ตติน โมอิส(Martine Moise) ได้รับบาดเจ็บจากคมกระสุน
ทั้งนี้พบว่าโมอิสขึ้นมาปกครองเฮติชาติที่ยากจนเป็นคนที่ 42ของประเทศ โจเซฟแถลงโดยอ้างอิงจากการรายงานรอยเตอร์ว่า การลงมือลอบสังหารเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายผิดมนุษย์
เขากล่าวต่อตำรวจและทหารเฮติสามารถควบคุมสถานการณ์ความมั่นคงได้แล้วแต่ทว่ายังคงได้ยินเสียงปืนดังไปทั่วกรุงปอร์โตแปงซ์หลังการโจมตี ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางคลื่นความรุนแรงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในเฮติ
โดยในการให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีวิทยุ นายกฯเฮติเปิดเผยว่า “ประธานาธิบดีได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากกระสุน 3 นัด” และชี้ว่า “ในเวลานี้ได้มีการใช้ทุกมาตรการเพื่อให้หลักประกันของการดำเนินต่อไปของรัฐและการปกป้องชาติ”
โมอิสทำหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีมานานกว่า 1 ปีจากการแต่งตั้งหลังจากที่เฮติล้มเหลวในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปและต้องการผลักดันให้มีการปฎิรูปกฎหมายรัฐธรรมนูญที่อื้อฉาวของเฮติ
เอเอฟพีรายงานว่า เขาถูกลอบสังหารไม่กี่วันก่อนหน้าที่ได้สั่งแต่งตั้ง เอเรียล อ็องรี(Ariel Henry) ศัลยแพทย์ประสาทที่ได้รับการศึกษาจากฝรั่งเศสขึ้นมาทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ทำเนียบขาวออกมาแถลงในวันพุธ(7)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จะได้รับรายงานสรุปถึงเหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำเฮติในภายหลัง พร้อมกับกล่าวประณามการลอบสังหารว่าเป็นสิ่งที่น่าสะเทือนขวัญ และทางสหรัฐฯกำลังประเมินสถานการณ์
ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน แสดงความเห็นถึงการลอบสังหารประธานาธิบดีเฮติว่า เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจพร้อมกับเรียกร้องความสงบภายในประเทศทะเลแคริบเบียนแห่งนี้