จากกรณีที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผล กรณีกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เดินทางเข้ามาอยู่อาศัยในราชอาณาจักรเพื่อกระทำผิดกฏหมาย ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในกรณีดังกล่าวดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลจนทราบว่า กลุ่มทุนจีนสีเทาสามารถอยู่ในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายได้อย่างไร
ต่อมา จากการสืบสวนทราบว่า การต่อวีซ่าให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทา ได้มีการใช้มูลนิธิ สมาคม หรือโรงเรียนสอนภาษาในการอ้างอิงเพื่อแนบเป็นหลักฐานส่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในการขออยู่ต่อ ซึ่งมูลนิธิ หรือโรงเรียนสอนภาษาเหล่านี้ หลายที่ไม่มีการดำเนินการจริง ไม่มีการเรียนการสอนจริง หรือในบางพื้นที่ มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคอยช่วยอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การปลอมแปลงลายเซ็นฝ่ายปกครอง การใช้ชื่อมูลนิธิที่ไม่มีที่ตั้งอยู่จริง หรือแม้กระทั่งการต่ออายุวีซ่าให้โดยที่ไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน เป็นต้น ซึ่งมีการตรวจพบการทุจริตในลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ บก.ตม.4 และ 5 เป็นจำนวนมาก จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนพบความเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจำนวนมากถึง 107 คน
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ก.พ.66 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. ในฐานะพนักงานสอบสวน ให้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 107 ราย ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เวฬุวัน จ.ขอนแก่น ในความผิดเกี่ยวกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการเรียกรับผลประโยชน์
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้ทำงานกันมาหลายเดือน เพื่อขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานหาความเชื่อมโยงต่างๆ จนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการต่อวีซ่าให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทาในพื้นที่ บก.ตม.4 และ 5 จำนวน 107 คนนั้น ในวันนี้จึงได้ให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ ซึ่งอยู่ในชุดสืบสวนสอบสวนที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งหลังจากแจ้งความแล้ว จะรวบรวมพยานหลักฐานการดำเนินการทั้งหมด เพื่อรายงานให้ ผบ.ตร. ทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป