พ.ต.ต.คม” ตำรวจระดับสารวัตร ที่ถูกกล่าวหาร่วมกับพวกรวม 15 คน อุ้มผัวเมียไปรีดทรัพย์ 4 แสน กับพระหลวงพ่อพัฒน์ทองคำ 1 องค์ราคา 2.5 แสนเข้ามอบตัวรับทราบข้อหาที่ สน.บางนา แต่ไม่ให้ตำรวจคุมตัวไปศาลฝากขัง ดิ้นสู้ ไม่ยอมขึ้นรถตู้ อ้างสิทธิ์ตามกฎหมายจะเดินทางไปศาลเอง ต้องทั้งผลัก ดัน อุ้ม ขึ้นรถไปอย่างทุลักทุเล
กรณี สองสามีภรรยานักพนันออนไลน์ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 15 คน ระบุมีตำรวจ 4 นาย สังกัดตำรวจไซเบอร์ 2 นาย และสังกัด บก.น.5 อีก 2 นายร่วม บุกอุ้มรีดเงินพนันที่ทั้งสองเล่นพนันได้ไป 2 ล้านบาท ก่อนทั้งสองยอมคืนเงินจากการเล่นพนันออนไลน์จำนวน 4 แสนบาท และเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ทองคำ 1 องค์ ราคา 250,000 บาท รวมเป็นเงิน 650,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ก่อนทั้งสองเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางนา เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา
ข่าวแนะนำ
ความคืบหน้าคดีนี้ที่ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 2 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “พ.ต.ต.คม” หนึ่งในผู้ต้องหา ได้เดินทางมามอบตัวที่ สน.บางนา เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.ท.ยุทธศิลป์ การินทร์ รองผกก.(สอบสวน) สน.บางนา สอบปากคำ เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา กับ พ.ต.ต.คม ในข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยว ให้เสื่ยมเสียอิสรภาพ และกรรโชกทรัพย์ ก่อนนำส่งศาลพระโขนง หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น
ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. และหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 4 ตำรวจ PCT เดินทางไปประชุมที่ สน.บางบา เพื่อติดตามเร่งรัด คดีพร้อมตรวจดูรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ชก 5679 กรุงเทพมหานคร เป็นรถที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุที่ ก่อนเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดมาได้
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่า ได้เรียกทีมสืบสวนสอบสวนทั้งหมด ประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีหลังเมื่อวานนี้ได้เข้าค้นบ้านเลขที่ 81/16 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ตรวจยึดรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ เป็นรถที่ปรากฏตามภาพวงจรปิด มาตรวจสอบ จากนั้น ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับรายงานว่า ตำรวจระดับ พ.ต.ต. เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว ส่วนพฤติการณ์การก่อเหตุในเบื้องต้นอยู่ระหว่างการสอบปากคำว่า กระทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่ รายละเอียดยังอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ ทั้งนี้ภายหลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้นจะนำตัวส่งศาลอาญาพระโขนง ฝากขังตามขั้นตอนของกฎหมาย
เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.มนต์เสก ตระกูลพานิชย์ ผกก.สน.บางนา สั่งการให้ชุดพนักงานสอบสวน คุมตัว พ.ต.ต.คม หรือ “สารวัตรคม” ไปฝากขังที่ศาลอาญาพระโขนง แต่ปรากฏว่าระหว่างที่นำตัวออกมาจากห้องสอบสวน สารวัตรคม ได้ขัดขืนพร้อมกับนำโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาบันทึกวิดีโอเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนายของ สน.บางนา ที่จะควบคุมตัวไปฝากขัง โดย สารวัตรคม อ้างว่ามารับทราบข้อกล่าวหาแต่กลับนำตัวไปศาล ถ้าจะไปฝากขังขอเดินทางไปเอง ไม่ขอให้ควบคุมตัวไป ทางพ.ต.อ.มนต์เสกจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปรามในชุดเครื่องแบบ ดันตัวกลับเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนเพื่อเจรจาอีกครั้ง
กระทั่งเวลา 11.20 น. ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา เกือบ 20 นายทั้งชุดป้องกันและปราบปรามและฝ่ายสืบสวนระดมกำลังเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนเพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ปรากฏว่าสารวัตรคมได้เดินออกมาจากห้องพนักงานสอบสวน ในลักษณะที่ไม่ได้ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด
โดย สารวัตรคม มีการพูดกับสื่อมวลชนว่า ขอใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 39 ตำรวจบางนาทำให้ตนเสียเสรีภาพ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้สั่งให้ไปศาล โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งตนมารับทราบข้อกล่าวหา ทั้งนี้ขอให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหาเพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ และยืนยันว่าต้องการไปศาลเอง ตำรวจมาจับกุมเรื่องอะไร เพราะมารับทราบข้อกล่าว และขอปฏิเสธในข้อหา ซึ่งหลังรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ขอเดินทางไปศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 ขอไปศาลเองตามสิทธิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางนา เห็นสารวัตรคมยังคงมีท่าทีว่าต้องการเดินทางไปศาลอาญาพระโขนงด้วยตนเอง จึงได้ทำการคุมตัวด้วยมือเปล่าจับใช้มือจับแขน 2 ข้าง เข้ากันทางด้านหลัง โดย พ.ต.อ.มนต์เสก ได้เข้าช่วยคุมตัวด้วยเกือบจนพลาดท่าตกบันไดหน้า สน.บางนา เนื่องจากแรงเหวี่ยงของสารวัตรคมที่ไม่ยอมให้คุมตัวโดยง่าย เหตุการณ์วุ่นวายยังคงดำเนินต่อไป เมื่อชุดสืบสวนและฝ่ายป้องกันและปราบปราม พยายามคุมตัว สว.คม ขึ้นรถตู้ สน.บางนา แต่มีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยโดยสารวัตรคม ผลักเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แต่ไม่มีการตอบโต้จากฝ่ายสืบสวน สน.บางนา แต่อย่างใด สารวัตรคมพยายามดิ้นหนีการควบคุมตัวไม่ยอมขึ้นรถตู้ ถึงขั้นดีดตัวลอยขึ้นเหนือหัวฝ่ายสืบสวน แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่สามารถดันตัวขึ้นรถตู้ สน.บางนาไปได้อย่างทุลักทุเล
ภายหลัง พ.ต.อ.มนต์เสก ตระกูลพานิชย์ ผกก.สน.บางนา เปิดเผยว่า ตำรวจพาตัวผู้ถูกกล่าวหาไปฝากขัง แต่ผู้ถูกกล่าวหายืนยันจะเดินทางไปด้วยตนเอง เนื่องจากเกิดเหตุขัดขืน จึงต้องจับกุมและคัดค้านการประกันตัว.