ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #”ตลาดหุ้นอเมริกากำลังเดินต่อไปเพื่อตกหน้าผาตาย ?”

#”ตลาดหุ้นอเมริกากำลังเดินต่อไปเพื่อตกหน้าผาตาย ?”

14 October 2017
633   0

ตอนนี้มีดัชนีสองอย่างที่ทำการพิจารณาแล้วว่าตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกากำลังเจอทางตัน จะไปต่อก็จะฟองสบู่แตก ถ้าลดดอกเบี้ยและเฟดขายหนี้เสียหุ้นเน่าทิ้งก็จะเกิด “การเทขายแบบดิ่งเหว” หรือ Tapering Tantrum แบบในปี 2013 ที่ตอนนั้นเฟดออกข่าวว่าจะลดการทำ QE สุดท้ายต้องทำต่อจนเงินไหลไปกองอยู่ที่ตลาดหุ้นกันหมด

… ปัจจัยที่หนึ่งคือ อัตราส่วน P/E หรือ Price to Earnings Ratio หรือสั้นๆ คือ P/E Ratio เป็นอัตราส่วนระหว่างราคาหุ้นปัจจุบันเทียบกับกำไรต่อหุ้น (EPS) ในสี่ไตรมาสล่าสุด ปรากฏว่าอัตรานี้สูงขึ้นมากที่สุดเทียบเท่ากับเทื่อเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่ผ่านมา เช่น ปี 1893 ที่เกิดการตื่นตระกหนกครั้งใหญ่ครั้งแรกของตลาดหุ้น และครั้งที่สองคือตอนวิกฤติดอดคอมที่คนแห่ไปซื้อหุ้นมากมาย และล่าสุดนั้นคือเมื่อปี 2008 ที่เกิดวิกฤติซับไพร์มหรื แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส ที่ทั้งหมดนั้นอัตรา P/E นั้นสูงกว่า 26.5% ทั้งสิ้น
…  แปลว่าราคาหุ้นสูงกว่ากำไรที่เกิดจากการประกอบการที่ได้จริง
… More importantly, since the 1870s, there have been a total of THREE periods in which the average stock P/E ratio was above 26.5.
    The first time was around the Panic of 1893.

    The second was around the 2000 dot-com crash.

    And the third was around the 2008 financial collapse.
… และอีกหนึ่งปัจจัยก็คือ “อัตราส่วนระหว่างมูลค่าตลาดหุ้นกับจีดีพี” ปรากฏว่ามูลค่าหุ้นในตลาดสูงมากแต่จีดีพีประเทศอเมริกาตกต่ำเศรษฐกิจซบเซามาก ทำให้อัตรานี้สูงมาก ตอนนี้อยู่ที่ 120% ทั้งที่ค่าเฉลี่ยตลอด 45 ปีที่ผ่านมานั้นมีแค่ 75% เท่านั้น  ที่ดัชนีชี้วัดนี้วอร์เรน บัฟเฟตบอกว่าบอกอะไรชัดเจนที่สุด หรือ “ราคาหุ้นสูงเกินความเป็นจริง” ทั้งๆกิจการตกต่ำ ขายของไม่ได้ หลายบริษัทต้องไล่คนงานออกไปมากมาย เช่น HSBC นั้นกำไรล่วงลงมา 62% แต่ยังราคาหุ้นแพงเป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับความจริง หรือ Overvalued Stock
… แปลว่าเงินที่อ้างว่าเอาเงินคนทั่วโลกมาซื้อหุ้นเพื่อมาระดมทุนสร้างกิจการทางธุรกิจผลิตสินค้ามาค้าขายนั้น ไม่ได้มีการสร้างผลผลิตอะไรเลย แต่ไปเก็งกำไรซื้อหุ้นขายไขว่ไปมาแค่นั้นเอง
… และนี้คือสาเหตุที่แท้จริงที่เฟดหรือธนาคารกลางอเมริกาพยายามจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอการไหลของเงินไปกองที่ตลาดหุ้น ตลาดทุนกันมากกว่านี้ เพราะถ้ายังเดินหน้าด้วยอัตราแบบนี้ ฟองสบู่ของตลาดหุ้นอเมริกาจะแตกในเร็ววันเร็วเดือนนี้แน่ แต่เพราะว่าเดือนที่แล้วมีพายุเข้าประเทศเศรษฐกิจตกต่ำยังต้องการเงินหมุนเวียนในประเทศ เลยทำให้ทางป้าเยเลนต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อน  
… นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เดือนธันวาคมนี้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อปิดประตูเขื่อนอีกบานกั้นน้ำแห่งเงินการเก็งกำไรไม่ให้ไหลบ่าเข้าเขื่อนมากกว่านี้ก่อนเขื่อนจะแตกและทำลายประเทศย่อยยับ
… แต่ถ้าเฟดรีบขึ้นดอกเบี้ยและพยายามลดงบดุลบัญชีหรือ  Unwind Balance sheet โดยเทขายหุ้นเน่าออกจากบริษัทต่างๆที่เมื่อคราววิกฤติซับไหร์มไปกว้านซื้้อไว้ แบบเร่งด่วนก็จะเกิดการตื่นตระหนกและเทขายหุ้นทิ้งแบบดิ่งเหว เงินจะไหลออกจากตลาดหุ้นแบบกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย ที่เรียกว่า Taper Tantrum
… ซึ่งถ้าเกิดเร่งขึ้นดอกเบี้ยก็จะมีผลต่อหนี้ของประเทศอีก งานนี้ระเบิดเศรษฐกิจอาจจะแตกก่อนก็ได้
.

http://www.zerohedge.com/news/2017-02-24/us-stock-market-highly-overvalued-heres-why

https://www.ft.com/content/0048255c-824d-11e7-94e2-c5b903247afd?mhq5j=e5

http://www.marketwatch.com/story/two-thirds-of-us-investors-think-stocks-are-overvalued-2017-07-21

สำนักข่าววิหคนิวส์