ตากระตุกข้างซ้าย หรือตากระตุกข้างขวาบ่อย ๆ เกิดจากอะไร เรื่องนีเกี่ยวกับสุขภาพไหม หรือแค่เรื่องของขวาร้ายซ้ายดี ?
ตาเขม่นหรือที่ใครหลายคนเรียกว่า ตากระตุก อาการนี้เราคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะที่เขาบอกมาว่า หากตากระตุกข้างซ้าย นั่นคือลางดีที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ถ้าตากระตุกข้างขวาขึ้นมา แสดงว่างานกำลังจะเข้าแล้วล่ะนะ เอาล่ะสิ ! ตากระตุกเป็นสัญญาณบอกเหตุได้ หรือแท้จริงแล้วตากระตุกเป็นเพียงความผิดปกติเล็ก ๆ ของร่างกายเท่านั้น ?
ตากระตุกเกิดจากอะไร ตากระตุกหรือหนังตากระตุก ไม่ว่าจะเป็นตากระตุกข้างซ้ายหรือตากระตุกข้างขวา ทางการแพทย์ได้จัดว่า อาการตากระตุกเกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณตาหดเกร็ง ซึ่งเกิดจากการถูกกระตุ้นที่ผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณนั้น โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดตากระตุกได้ก็จะมีทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอ การรับประทานชากาแฟซึ่งทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนปริมาณมากเกินไป หรือความเครียดและความกังวลก็ทำให้เกิดตากระตุกได้ทั้งซ้ายและขวาเช่นกัน
ตากระตุกบ่อย ตากระตุกหลายวัน อันตรายไหม ? อาการตากระตุกเป็นเพียงความผิดปกติในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็จริง ทว่านายแพทย์นนท์ รัตนิน จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลจักษุรัตนิน บอกว่า หากตากระตุกบ่อยและกระตุกนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการตากระตุกร่วมกับกล้ามเนื้อบริเวณอื่น ๆ เช่น มุมปากและแก้มกระตุกร่วมด้วย มีอาการตาบวมแดงหรือมีขี้ตาร่วมด้วย รวมถึงหากตากระตุกมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้หนังตาปิด กรณีเหล่านี้จักษุแพทย์ก็แนะนำให้มาตรวจเช็กอาการที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
ตากระตุกแบบไหนเข้าข่ายเป็นโรค แพทย์หญิงไรนา จินดาศักดิ์ โรงพยาบาลสมิติเวช กล่าวว่า อาการตากระตุกสามารถเข้าข่ายของกลุ่มโรคได้เช่นกัน โดยกลุ่มแรกเรียกว่า Essential Blepharospasm ซึ่งคนไข้จะมีอาการตากระตุกเฉพาะบริเวณหนังตาเพียงอย่างเดียวและมักจะกระตุกข้างเดียวในเบื้องต้น ทว่าจากที่ตากระตุกนาน ๆ ครั้ง
ต่อมาตาจะกระตุกถี่ขึ้น มีความรุนแรงมากขึ้น และเริ่มลามไปกระตุกที่ตาอีกข้าง ซึ่งแพทย์ก็บอกว่าเป็นโรคที่ไม่มีสาเหตุ และอาจจะไม่มีอันตรายร้ายแรงเท่าไร เพียงแต่อาจสร้างความรำคาญและสร้างอุปสรรคในการดำเนินชีวิตนิดหน่อยเท่านั้น และแพทย์ก็รักษาอาการได้เพียงให้ยาที่บรรเทาอาการเคืองตาหรือน้ำตาเทียม หรืออาจแนะนำให้งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รวมไปถึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ หรือสำหรับบางเคสอาจแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ในการรักษาความผิดปกติของกล้ามเนื้อก็ได้ เนื่องจากตัวยาสำหรับรักษาอาการตากระตุกมักจะมีผลข้างเคียงที่เยอะ บวกกับความรุนแรงของโรคก็ถือว่าค่อนข้างน้อย จึงไม่นิยมนำมารักษาอาการตากระตุกนั่นเองนะคะ
ส่วนอีกภาวะหนึ่ง คือ Hemi facial Spasm โดยอาการจะมีทั้งตากระตุกและกล้ามเนื้อใบหน้าลามไปถึงลำคอซีกนั้นกระตุกไปพร้อมกันด้วย ซึ่งภาวะนี้แพทย์ได้เตือนให้ระวัง เนื่องจากเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ในสมองของคุณ ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้า โดยอาการผิดปกติที่ว่าอาจเป็นได้ทั้งเส้นเลือดบริเวณเส้นประสาทนั้นขดงอ หรือมีเนื้องอกไปกดทับเส้นประสาทจนเป็นสาเหตุของตากระตุกและกล้ามเนื้ออื่น ๆ กระตุกไปด้วย ทั้งนี้การวินิจฉัยเบื้องต้นต้องอาศัยการสแกนสมองเพื่อหาความบกพร่องของเส้นประสาท เพื่อที่แพทย์จะได้หาวิธีรักษากันต่อไป
เอาล่ะ ! รู้จักสาเหตุตากระตุกแล้ว มาดูความเชื่อคำทำนายตากระตุกกันบ้าง
ตากระตุกในตอนเช้า (นับจากตื่นนอน ใกล้รุ่ง)
ตากระตุกข้างขวา : จะมีญาติมิตรต่างแดนมาหา
ตากระตุกข้างซ้าย : จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาท หรือมีเรื่องเดือดร้อนมาสู่
ตากระตุกในตอนสาย (09.00-12.00)
ตากระตุกข้างขวา : ญาติมิตรต่างแดนหรือต่างจังหวัดจะนำลาภมาให้
ตากระตุกข้างซ้าย : จะเกิดเรื่องไม่ดีงามภายในครอบครัว
ตากระตุกในตอนบ่าย (13.00-16.00 น.)
ตากระตุกข้างขวา: การที่คิดไว้หรือกำลังทำอยู่จะประสบผลสำเร็จ
ตากระตุกข้างซ้าย : จะมีเพศตรงข้ามกล่าวขวัญถึงหรืออาจมาหา
ตากระตุกในตอนเย็น (17.00-19.00 น.)
ตากระตุกข้างซ้าย: จะมีญาติหรือเพื่อนสนิทที่อยู่ห่างไกลมาเยี่ยม
ตากระตุกข้างขวา : จะได้พบญาติหรือมิตรสหายที่จากกันไปนานโดยไม่นึกไม่ฝัน
ตากระตุกในตอนกลางคืน (19.00 น. เป็นต้นไป)
ตากระตุกข้างซ้าย: จะมีข่าวดีมาถึงในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น หรือจะได้ลาภจากผลงานที่ทำไว้
ตากระตุกข้างขวา: จะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนในครอบครัว
ตากระตุกข้างซ้ายหรือตากระตุกข้างขวาก็เป็นเพียงอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่หากใครจะเชื่อถือคำโบราณที่บอกว่าตากระตุกเป็นลางบอกเหตุร้ายและแจ้งเหตุดีก็ไม่แปลกอะไร เพียงแค่อย่างมงายจนลืมสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเองก็พอนะคะ
ขอบคุณบทความ kapook
สำนักข่าววิหคนิวส์