ตามคาด! กมธ.ร่าง พรป.ป.ป.ช.สาย “บิ๊กป้อม” หนุนให้ 7 ป.ป.ช.อยู่ต่อครบ 9 ปีโดยไม่เซตซีโร แม้คุณสมบัติขัด รธน.60 แฉเป็นความต้องการผู้มีอำนาจอยากให้อยู่ต่อ แถม ป.ป.ช.ยังหมกเม็ดเพิ่มอำนาจให้ตัวเองดักฟังข้อมูลส่วนตัว ทั้งโทรศัพท์และอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ได้หมด
ไทยโพสต์ – ที่รัฐสภา วันที่ 18 ธันวาคม แหล่งข่าวจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้ที่มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ เป็นประธาน ได้พิจารณากฎหมายฉบับนี้แล้วเสร็จในช่วงค่ำ และจะนำเข้าวิป สนช.ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุม สนช.วันที่ 21 ธ.ค.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และวาระ 3
สำหรับในประเด็นการต่ออายุคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันให้ดำรงตำแหน่งต่อหรือไม่นั้น ที่ประชุมได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางยกทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุป จนต้องโหวตลงมติกันตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยกรรมาธิการเสียงข้างมากที่ประกอบไปด้วยอดีตนายตำรวจและอดีตนายทหารที่มีความสนิทสนมและใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ได้โหวตให้แก้ไขหลักการเดิมจากที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอให้รีเซต ป.ป.ช.ที่มีคุณสมบัติขัดกับรัฐธรรมนูญปี 2560
โดยกรรมาธิการในส่วนของ กรธ.ได้โหวตสู้ แต่พ่ายแพ้อย่างราบคาบ ทำให้กรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันจำนวน 7 คนจาก 9 คนที่มีคุณสมบัติไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ ได้อยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกเป็นเวลา 9 ปี นับตั้งแต่วันที่ ป.ป.ช.แต่ละคนได้รับการแต่งตั้งตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542
“สำหรับเหตุผลที่ 7 ป.ป.ช.ได้อยู่ต่อ เพราะเป็นความต้องการของผู้มีอำนาจอยากจะให้อยู่ต่อ” แหล่งข่าวระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 7 รายชื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีคุณสมบัติหมิ่นเหม่ต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ได้แก่ 1.พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองเมื่อปี 2557 พ้นจากการดำรงตำแหน่งน้อยกว่า 10 ปี 2.นายปรีชา เลิศกมลมาศ เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2552 ก่อนรับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2553 และรับตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไม่ถึง 5 ปี 3.พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เคยดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติเมื่อปี 2553 ก่อนรับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2555 รับตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไม่ถึง 5 ปี
4.นายณรงค์ รัฐอมฤต อดีตเลขาธิการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2553 ก่อนรับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2555 รับตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไม่ถึง 5 ปี 5.น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีต ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเมื่อปี 2552 ก่อนรับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2557 รับตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไม่ถึง 5 ปี 6.นายวิทยา อาคมพิทักษ์ เคยดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดินในปี 2557 ก่อนรับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2558 พ้นจากการดำรงตำแหน่งน้อยกว่า 10 ปี และ 7.พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม เมื่อปี 2554 รับตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไม่ถึง 5 ปี
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ กมธ.ในสัดส่วนของ ป.ป.ช.ได้เสนอเพิ่มอำนาจให้ ป.ป.ช. สามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลนักการเมือง ข้าราชการ และประชาชนได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรสาร โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในส่วนของ กมธ.ในสัดส่วนของ กรธ. พยายามคัดค้านไว้ เพราะเป็นการละเมิดสิทธิ์ประชาชน จนท้ายที่สุดที่ประชุมต้องโหวตตัดสิน ผลปรากฏว่า กรธ.แพ้เช่นเคย แต่ก็ได้สงวนคำแปรญัตติไว้เพื่อไปต่อสู้วาระ 2 ในที่ประชุม สนช.วันที่ 21 ธ.ค.นี้.
สำนักข่าววิหคนิวส์