“จักรทิพย์” เต้นสั่งล้อมคอกห้องขัง ยันเบื้องต้นพบไม่เกี่ยวข้องแก๊งระเบิดแยกราชประสงค์ เลขาฯ สมช.กำชับศูนย์ควบคุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองต้องเฝ้าระวังมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ไทยโพสต์ – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ทำเนียบฯ ถึงกรณีผู้ต้องขังชาวอุยกูร์จำนวน 20 ราย แหกห้องกักขังภายในอาคารควบคุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง กองกำกับการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) อ.สะเดา จ.สงขลา หลบหนีไปได้ ว่าขณะนี้ได้มีการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลด่านสะเดาเข้ามาประจำหมดแล้ว และสามารถตามจับชาวอุยกูร์ที่แหกคุกมาได้แล้ว 5 คน ส่วนที่เหลือได้หนีข้ามแดนไป กำลังประสานมาเลเซียส่งตัวกลับมา
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีชาวอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ประมาณ 100-200 ราย เราต้องตรวจสอบว่ามาจากที่ไหน แล้วมีคดีความติดตัวหรือไม่ ถ้ามีคดีความติดตัวต้องส่งไปประเทศต้นทาง แต่ถ้าเป็นเด็ก หรือผู้หญิงที่ไม่มีคดีความอะไร เราจะส่งไปประเทศที่ 3 แต่ถ้าเป็นคนที่ก่อเรื่องก่อราวไว้กับประเทศต้นทาง จะส่งไปประเทศที่ 3 ไม่ได้ ต้องส่งกลับไป
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 และเจ้าหน้าที่ทหาร ช่วยเร่งรัดติดตามจับกุมชาวอุยกูร์ที่หลบหนีไปได้ทั้งหมด 20 คน เบื้องต้นทราบว่าสามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 5 คน ยังหลบหนีไปได้อีก 15 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม ส่วนจะข้ามชายแดนไปยังประเทศมาเลเซียแล้วหรือไม่ยังไม่ทราบ ส่วนใหญ่คนพวกนี้จะมีนายหน้าด้วย ส่วนนายหน้าจะเกี่ยวข้องในการวางแผนหลบหนีหรือไม่ อยู่ระหว่างขยายผล
“หลังเกิดเรื่องที่ ตม.สะเดา ผมได้สั่งการไปแล้วที่ ตม.3 ตม.6 ไปตรวจสอบดูว่าห้องขังแข็งแรงหรือไม่ ให้ดำเนินการให้เรียบร้อย เราให้ความสำคัญ ส่วนผู้ต้องหาชาวอุยกูร์ที่ควบคุมตัวไว้เป็นผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง ส่วนในเชิงลึกยังไม่ทราบ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับคนร้ายที่ก่อเหตุรอบวางระเบิดที่ท้าวมหาพรหมสี่แยกราชประสงค์ในขณะนี้ ภาษาเขากับภาษาเราคุยกันยาก ล่ามก็น้อย อย่างไรก็ตาม เรามองทุกมิติอยู่แล้ว” ผบ.ตร.ระบุ
ขณะที่ พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการติดตามตัวอยู่ ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าหลบหนีไปไหน คงมีการประสานทางการมาเลเซียให้ช่วยติดตามตัวแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาหากเกิดปัญหาขึ้นจะประสานงานกันตลอดเวลา โดยชาวมุสลิมอุยกูร์ดังกล่าวเป็นกลุ่มที่หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย และได้ดำเนินการจับตั้งแต่ปี 57 อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ศูนย์ควบคุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจะต้องเน้นย้ำให้เฝ้าระวังมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสนธิกำลังออกค้นหาบุคคลไม่ทราบสัญชาติทั้ง 20 คน ของทั้งกำลังชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ทหาร ร้อย 5021 ตำรวจ สภ.สะเดา ตชด.437 และ อส.อำเภอสะเดา ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซีย จนถึงขณะนี้ยังคงไร้วี่แววและคาดว่าน่าจะหลบหนีข้ามแดนไปยังฝั่งประเทศมาเลเซียแล้ว เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจังแนวพรมแดนไทยมาเลเซียราว 2 กิโลเมตร
ส่วนในทางคดีนั้น พ.ต.ท.พิเชษฐ์ จันทร์หนู สารวัตรสอบสวน สภ.สะเดา ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 20 คนแล้ว ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวร่วมกันแหกที่คุมขังหลบหนีไประหว่างการควบคุมตัวของเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และศาลจังหวัดนาทวีได้อนุมัติหมายจับแล้ว นอกจากนี้ยังได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ ตม.ที่รับผิดชอบในคืนเกิดเหตุไปแล้ว 2 นาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการออกหมายจับทั้ง 20 คนไปก่อน ส่วนในรายละเอียดอื่นๆ นั้น ทาง ตม.ต้นสังกัดจะเป็นฝ่ายสอบสวน
ช่วงบ่าย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.สตม. ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุที่ห้องกักตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา และประชุมรับฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมกับเปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ ตม.จ.สงขลา จำนวน 8 นาย ทั้งระดับ ผกก. รอง ผกก.สว. และชั้นประทวนไปช่วยราชการที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 ชั่วคราว ในระหว่างที่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และได้กำชับให้ ตม.ทุกแห่งเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลผู้ต้องกักเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ส่วนชาวต่างชาติทั้ง 20 คนนั้น เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งติดตามจับกุม แต่ไม่ยืนยันว่าหลบหนีข้ามแดนไปยังฝั่งมาเลเชียแล้วหรือไม่.
สำนักข่าววิหคนิวส์