เมื่อวันที่10ส.ค.65 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ๑๐ สิงหา ๖๓ สู่ ๑๐ สิงหา ๖๕ วันปัญญาชนหน้าโง่
เหตุผลสำคัญ ๑๐ ประการที่ต้องยกให้การชุมนุม ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วันที่ ๑๐ สิงหาคม เวลา ๑๗.๐๐ น. เป็น “วันปัญญาชนหน้าโง่”
๑.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะไม่ได้คิดด้วยหัวสมองของตัวเอง หากแต่รับโพยจากคนอื่นมาอ่านแบบโง่ๆ งงๆ ดังที่ปรากฏในคำให้สัมภาษณ์ด้วยความไร้เดียง “เพื่อนส่งมาให้หนูดูตอนตีหนึ่งกว่า มันถามหนูว่าจะอ่านไหม ทุกคนรู้สึกว่ามันแรงมาก ตัวเองก็รู้ว่ามันแรงมาก ๆ แต่หนูรู้สึกว่ามันต้องพูด…หนูเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดม็อบครั้งนั้น แล้วเรื่องสถาบันเป็นหนึ่งในความคิดหลักของหนูตลอดมา เลยอยากขึ้นไปพูด เรียกว่าขอขึ้นไปพูดก็ได้ ขอพูดเอง”
๒.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะข้อเสนอปฏิรูปสถาบัน ๑๐ ข้อนี้ มีต้นแบบมาจากข้อเสนอปฏิรูปสถาบัน ๗ ข้อในปี ๖๒ ของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่หนีคดีเอาตัวรอดไปอยู่ในต่างประเทศ เก่งแต่บิดเบือนให้ร้ายสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไปวันๆ คอยชี้นำหลอกใช้ให้สาวกโง่ๆ หลงเชื่อแล้วทำผิดติดคุกติดตะรางในประเทศไทยแทนตัวเอง
๓.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะข้อเสนอปฏิรูปสถาบัน ๑๐ ข้อนี้ ผิดหลักวิชาตั้งแต่ข้อแรกที่จะให้ยกเลิกความคุ้มกันของพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ เพราะแม้แต่ประเทศที่ปกครองในระบอบเดียวกันอย่างประเทศนอร์เวย์ ซึ่งได้ชื่อว่ามีดัชนีประชาธิปไตยสูงที่สุดในโลก ก็มีความคุ้มกันของพระมหากษัตริย์อยู่ในรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน
๔.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะข้ออื่นๆ ที่เหลือ นอกจากจะมั่วหลักการ ยังเต็มไปด้วยการบิดเบือนให้ร้าย กล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์แบบมั่วๆ อย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นการจาบจ้วงล่วงละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ชนิดที่ถ้าเอาข้อความแบบเดียวกันไปกล่าวหาบุคคลธรรมดา ก็คงหนีไม่พ้นข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและข้อหาอื่นๆ อย่างแน่นอน
๕.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตามที่แอบอ้าง หากแต่ตกเป็นแนวร่วมของคอมมิวนิสต์ เพราะคนกลุ่มเดียวกันที่เคยจัดงานในปี ๖๓ และเป็นแกนนำคนสำคัญของม็อบสามนิ้วมาโดยตลอด เคยหางโผล่ด้วยความหลงลำพองจนถึงขั้นกล้าแจกหนังสือ “คอมมิวนิสต์สำหรับสหายน้อย” ให้ถูกจับได้คาหนังคาเขามาแล้ว
๖.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะตกเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่เลวหลังม็อบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาอาจารย์สามนิ้วภายในรั้วของมหาวิทยาลัย ตลอดจนอดีตอธิการบดีเฒ่ากาลีที่ได้วางรากฐานลัทธิสามนิ้วมาตั้งแต่ต้น ซึ่งทั้งหมดคอยชี้นำทางความคิดอย่างบิดเบือนด้วยความเห็นผิด แล้วหลอกใช้ให้คนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกศิษย์ออกหน้าทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง
๗.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะม็อบสามนิ้วถือแนวทางรุนแรงมาโดยตลอด นับตั้งแต่แนวคิดที่แฝงไปด้วยความรุนแรง จนกระทั่งพัฒนาออกมาเป็นรูปธรรมของความรุนแรงและความแตกแยกในสังคม จัดได้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพแบบอนาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ ๑๐ สิงหา ๖๔ ที่มีความพยายามในการยกระดับความรุนแรง ลุกขึ้นสู้ก่อจลาจล
๘.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะอ้างว่าต่อสู้กับศักดินา แต่กลับกลายเป็นชนชั้นศักดินาสามนิ้วเสียเอง เนื่องจากมีลักษณะเป็นขบวนการหลอกใช้กันเป็นทอดๆ ทำนาบนหัวสมองคนอื่นอย่างเอารัดเอาเปรียบ ผู้ใหญ่เลวหลังม็อบส่งโพยมาให้แกนนำอ่าน แล้วแกนนำก็อ่านชี้นำสนตะพายบรรดาเพื่อนนักศึกษาอย่างโกหกบิดเบือน
๙.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกา ๖๔ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยอย่างชัดเจน การชุมนุมของม็อบสามนิ้วในวันที่ ๑๐ สิงหา ๖๓ ละเมิดต่อกฎหมาย เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งยังมีความผิดทางอาญาในหลากหลายคดีจากต่างกรรมต่างวาระอีกด้วย
๑๐.จะไม่เป็นปัญญาชนหน้าโง่ได้อย่างไร เพราะต้องมาเดือดร้อนเสียเอง ในขณะที่อาจารย์สามนิ้วซึ่งคอยสนับสนุน ไม่ได้ร่วมกระทำผิดจนต้องเดือดร้อนไปด้วย มีแต่คอยชี้นำให้ลูกศิษย์ทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง โดยยั่วยุผ่านการปั่นกระแสบิดเบือนทั้งในห้องเรียนและทางโซเชียลมีเดีย โดยไม่มีอาจารย์สามนิ้วคนไหนที่โดนคดีจากกิจกรรมดังกล่าวเลยแม้แต่คนเดียว แถมยังคอยโหนลูกศิษย์ที่ต้องคดี ติดคุก อดอาหาร มาต่อยอดในการปลุกระดมซ้ำอีกด้วย