ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ถึงบางอ้อ..!!ทำไมต้องตัดสินคดีปู-บุญทรง-ภูมิพร้อมกัน

#ถึงบางอ้อ..!!ทำไมต้องตัดสินคดีปู-บุญทรง-ภูมิพร้อมกัน

22 July 2017
960   0

           วันเสาร์ ที่ 22 กรกฎาคม 2560 เวลา 08:00 สำนักข่าวอิศรารายงานถึงคดีระบายข้าวจีทูจี | คดีจำนำข้าว | ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า


“…หากศาลฎีกาฯ อ่านคดีใดคดีหนึ่งก่อน อาจจะทำให้อีกฝ่าย ‘รู้ไต๋’ จับทิศทางได้ว่า หากคำพิพากษาคดีนี้ออกมาเช่นนี้ คดีตัวเองก็น่าจะเหมือนกัน ทำให้อาจมีจำเลยบางราย คิดหาทาง ‘หลบหนี’ ไปได้นั่นเอง แต่ถ้าศาลฎีกาฯ นัดอ่านคำพิพากษาพร้อมกันเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีจำเลย ‘หัวใส’ บางราย เห็นแนวโน้มคดีว่าจะเป็นอย่างไร แล้วชิงหลบหนีไปเสียก่อน…”

หลายคนอาจจะทราบไปแล้วว่า ในเดือน ส.ค. 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพิพากษาคดีสำคัญที่ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมือง 3 คดี วันที่ 2 ส.ค. 2560 ศาลฎีกาฯนัดพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นจำเลย 
กรณีสั่งการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2551วันที่ 25 ส.ค. 2560 ศาลฎีกาฯนัดพิพากษาคดีสำคัญ 2 คดีพร้อมกัน คดีแรก อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว คดีที่สอง อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยอดีตข้าราชการระดับสูงในกรมการค้าต่างประเทศ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร กับพวก เป็นจำเลยที่ 1-21 กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ อย่างไรก็ดีสิ่งที่น่าโฟกัสอย่างมากคือ การนัดฟังคำพิพากษาคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และคดีระบายข้าวแบบจีทูจี ทำไมศาลฎีกาฯถึงต้องนัดฟังพร้อมกันในวันเดียว และเวลาเดียวกันคือ 25 ส.ค. 2560 เวลา 09.00 น. 

ผู้คร่ำหวอดในแวดว กฎหมายหลายราย ตั้งข้อสังเกตว่า หากศาลฎีกาฯ อ่านคดีใดคดีหนึ่งก่อน อาจจะทำให้อีกฝ่าย ‘รู้ไต๋’ จับทิศทางได้ว่า หากคำพิพากษาคดีนี้ออกมาเช่นนี้ คดีตัวเองก็น่าจะเหมือนกัน ทำให้อาจมีจำเลยบางราย คิดหาทาง ‘หลบหนี’ ไปได้นั่นเอง แต่ถ้าศาลฎีกาฯ นัดอ่านคำพิพากษาพร้อมกันเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีจำเลย ‘หัวใส’ บางราย เห็นแนวโน้มคดีว่าจะเป็นอย่างไร แล้วชิงหลบหนีไปเสียก่อน 
เพราะต้องไม่ลืมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกฟ้องในฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ปี 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 หมื่นบาท-2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคดีระบายข้าวแบบจีทูจี จำเลยทั้งหมด 21 ราย
 ถูกฟ้องฐานร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 9, 10, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4, 123 และ 123/1โดยโทษที่รุนแรงที่สุดถึงขั้น ‘จำคุกตลอดชีวิต’ คือ มาตรา 12 ของ พ.ร.บ.ฮั้วฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1-4 แสนบาท ด้วยโทษสูงสุดที่ ‘หนักหนาสาหัส’ ขนาดนี้ จึงอาจทำให้มีหลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่าอาจมีจำเลย ‘บางราย’ อาศัยโอกาสหลบหนีก่อนมีคำพิพากษาหรือไม่ ? 
นั่นจึงอาจเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมศาลฎีกาฯ จึงนัดพิพากษาทั้ง 2 คดีพร้อมกัน ! ดังนั้นสิ่งที่ต้องรอจับตาต่อจากนี้ว่า จะมีกลเม็ดลูกเล่นอะไรจากฝ่ายจำเลยทั้ง 2 คดีอีกหรือไม่ หรือว่าอาจมีจำเลยบางรายทำเรื่องขอเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้หรือเปล่า และจะมีนักการเมืองระดับชาติรายไหน เดินทางซ้ำรอย ‘รุ่นพี่’ ในอดีต เช่น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (หลบหนีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดีที่ดินรัชดา) นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย (หลบหนีคำพิพากษา คดีทุจริตก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน) และนายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย (หลบหนีคำพิพากษา คดีทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง) อีกหรือไม่ ท่าทีของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นายทหารระดับสูงบางราย ยืนยันมาตลอดว่า จะไม่ปล่อยให้ใครหลบหนี หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ?..คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด