“…ถ้าเป็นการต่อต้านทุจริตในหน่วยงานรัฐ ข้อมูลออกมาพบว่าทุกอย่างถอยหลังลง โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเราได้รับการร้องเรียนว่าการทุจริตและการโกงกินในหน่วยงานภาครัฐเพิ่มขึ้นมาก เรียกได้ว่าเป็นระดับเดียวกับรัฐบาลก่อนๆ หรือกลับมาแทบจะเหมือนเดิม แม้กระทั่งโครงการสร้างหอชมเมืองกรุงเทพที่ไม่มีการเปิดประมูล ตรงนี้ถือว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นักธุรกิจอย่างชัดเจน…”
“ผมไม่ไปยุ่งกับใคร ไม่คบกับใคร โดยเฉพาะคนที่จะมาให้ประโยชน์กับผม และใครจะมาหาผมที่บ้าน ผมก็ไม่ให้มา ไม่เคยเปิดบ้านต้อนรับใคร”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) กล่าวในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2560 เพื่อสะท้อนจุดยืนในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในฐานะผู้นำรัฐบาลคสช.
แต่ทว่าในรอบปี 2560 ที่ผ่านมา ผลงานต่อต้านและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันที่เคยเป็นจุดแข็งของรัฐบาล คสช.ในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ กลับถูกตั้งคำถามจากสังคมอย่างหนักหน่วง ทั้งในแง่องค์กรและตัวบุคคล ถึงเรื่องความไม่โปร่งใสหลายประการ
เริ่มจากในช่วงเดือนเม.ย.2560 มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า ที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2560 อนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำชั้น “Yuan Class S26T” จากจีน 3 ลำ วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท โดยอนุมัติให้จัดซื้อก่อน 1 ลำ วงเงิน 1.35 หมื่นล้านบาท แต่การอนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทดังกล่าว กลับ “งุบงิบ” ไม่มีการแถลงต่อสาธารณชน
โดยครม.ให้เหตุผลว่าเป็นเอกสารลับ “มุมแดง” เปิดเผยไม่ได้
ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อครม.ประยุทธ์ ในแง่การเปิดเผยข้อมูล ต่อมาสังคมได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าในการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนเมื่อเทียบกับเรือดำน้ำชาติอื่นๆ ตลอดจนเรียกร้องให้กองทัพเรือเปิดเผยหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก
Cr.isranews
สำนักข่าววิหคนิวส์