นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)และกรมสรรพากรไปคิดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและการท่องเที่ยวระดับชุมชน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและดึงเงินคนระดับบนออกมาใช้จ่าย เพื่อลดปัญหาการว่างงาน โดยให้สรุปมาตรการภายในกลางเดือนก.ค.63
ขณะเดียวกันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และสมาคมธนาคารไทยไปหาช่องทางหรือเซ็ทกลไกให้ผู้ประกอบการกลุ่มต่างๆเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีขนาดเกิน 500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ไม่สามารถเข้าถึงซอฟท์โลนของ ธปท.ได้ ซึ่งกลุ่มนี้ยังขาดสภาพคล่อง อีกทั้งได้เสนอให้ขยายเวลาการยืดชำระหนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังและ ธปท.กำลังพิจารณา เพื่อปิดปัญหาตั้งแต่ต้นทาง โดยไม่รอให้ธุรกิจปิดกิจการไปก่อนค่อยแก้ไขปัญหา
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังกล่าวว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาให้บรรษัทค้ำประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)และสศค.ไปเตรียมออกโครงการค้ำประกันเงินกู้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหรือPGS9คาดว่า ไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ มาตรการดังกล่าวจะออกมา
สำหรับมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวจะเป็นมาตรการเสริมมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ ถือเป็นการต่อยอด ส่วนจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีหรือไม่ ทางสรรพากรจะพิจารณา
ส่วนการขอยืดหนี้ยาวออกไปนั้น ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่า จะยืดหนี้ออกไป เพียงแต่ขอให้ ธปท.ไปพิจารณาก่อนจากเดิมยืดหนี้ให้ในระยะเวลา 6 เดือน ส่วนจะยืดออกไปเป็นระยะเวลาเท่าใดยังบอกไม่ได้ แต่ถ้าจะทำจะต้องเป็นระยะยาวขึ้น เพราะโควิด-19 ยังไม่หยุดนิ่ง และถ้าจะทำจะช่วยทุกกลุ่ม โดยเรื่องกระตุ้นจีดีพีได้เท่าไหร่นั้น เลิกพูดได้แล้ว เพราะคาดลำบาก แค่คิดว่า เราโฟกัสว่า จะทำอย่างไร และรู้ว่าจะเป็นผลดีอย่างแน่นอน บรรเทาปัญหาการเลิกจ้าง และสร้างงานหลังโควิด-19#