คณะกรรมการมรรยาททนายความที่แต่งตั้งเพิ่มขึ้นอีก 16 คน สภาทนายยังมิได้ประกาศรายชื่อ ชอบด้วยกฏหมายหรือไม
……………\\\\\\\\\………………;;……;;;;;
โดย โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ศึกษากรณี
“คณะกรรมการมรรยาททนายความที่แต่งตั้งเพิ่มขึ้นใหม่ 16คน”
ความเป็นมาและสภาพปัญหาในองค์กรสภาทนายความ “สมพร ดำพริก” แถลงต่อสื่อมวลชน ได้ออกมารับหนังสือร้องเรียน คดีมรรยาทแทนประธานมรรยาททนาย ความ กรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มีหนังสือร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบทนายคนดัง” นี้
เป็นปัญหาการเรียน
การสอนในวิชากฏหมาย เกี่ยวกับมรรยาททนาย ความ ที่นักศึกษาในชั้นปริญญาตรี ที่ทุกมหา วิทยาลัย ได้บรรจุเป็นวิชา เลือก เพื่อนักศึกษาที่จบการศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้
สมพร ดำพริก ได้ให้สัมภาษต่อสื่อมวลชนว่า เป็นกรรมการมาหลายสมัยแล้ว และตนเองถูกทนายคนดัง ร้องมรรยาทด้วย เป็นกรรมการคนเดียวในสภาที่มีคะแนนสูงสุดทั่วประเทศ ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ครับท่านสมพร ดำพริก
แต่สิ่งที่ท่านให้ข่าวว่า
มีกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นอีก 16 คนปฎิบัติหน้าที่ เป็นเรื่องที่พูดกันมานานแล้วตั้งแต่ปลายปี 65 ว่า “ท่านสภาพิเศษ (รมต.)ยังไม่ลงนาม ส่อไปในทางที่ไม่ชอบด้วย ซึ่งตามกฏหมาย แม้ ท่านสภานายกพิเศษ ยังไม่ได้ลงนาม แต่มีกรอบเวลากำหนดไว้ว่านับแต่ได้รับแจ้งตามกฏหมายไม่ลงนาม แต่เมื่อพ้นกำหนด 30 วัน ยังไม่ส่งเรื่องคืน ท่านสภาพิเศษ ไม่ลงนาม หรือนิ่งเฉย ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆๆๆๆๆๆๆ ก็ตามให้ถือว่าเห็นชอบในการแต่งตั้งแล้ว มันมีระเบียบและกฏหมายโดยเฉพาะถือ ว่าเป็นการแต่งตั้งโดยชอบแล้ว ชึ่งศาลปกครองก็ใช้หลักนี้มาเป็น บรรทัดฐาน
เหตุที่สังคมทนายความกังขา คือ สภาทนายความมิได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา หรือมีประกาศใดๆ ว่า กรรมการ มรรทยาททนายความ
ที่เสนอเพิ่มต่อท่านสภาพิเศษ แล้ว ”นิ่งเฉย” นั้น ย่อมไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้ ความจริง ไม่ลงชื่อ ครบเงื่อนเวลา ถือว่า เห็นชอบการแต่งตั้ง
หากสภาทนายความฝ่าฝืนว่า ชอบแล้ว ก็เรื่องประชุม และองค์ประชุม
เป็นสิ่งที่ผู้ที่ได้รับการ กล่าวหาคดีมรรยาททนายความ จะนำไปฟ้องศาลว่า ไม่ชอบ เพราะสภาไม่ได้ปฎิบัติตามกฏหมาย ย่อมทำให้การไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ชอบไปด้วย
ท่านสมพรฯ ท่านต้องเข้าใจนะครับว่า “ท่านกำลังปฎิบัติหน้าที่ฐานะ ”เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฏหมายอาญา “อะไรผิดอะไรถูก
ท่านน่าจะรู้”
คำให้สัมภาษของท่าน เข้าข่ายความผิด ต่อกฏหมายอาญา “ผิดจริย ธรรมจรรยา” ผิดต่อความเป็นกลางของผู้มีอำนาจสูงสุดในสภาทนายความ
ท่านคนหนึ่งต้องงดออกเสียง และต้องไม่ร่วมประชุมด้วย
ทนายดัง คงไม่ไปร้องสภาให้เปลืองกระดาษ ถึงร้องไปก็รู้ว่า “ผลจะออกมาเป็นอย่างไร”
เค้าสามารถแจ้งความร้องทุกขดำเนินคดีกับท่านได้เลย นะครับ
แล้วคะแนนเสียงทั่วประเทศ ที่ท่านได้มาจะหมดไป “อำนาจเป็นเพียงหัวโขน” นะครับ ไม่มีใครกลัวใคร หรอกครับ
ศาลเท่านั้น เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด “ผียังกลัว” ท่านสมพรเชื่อไหม ที่ไหนว่า
แน่แน่น “ตราแผ่นดินประทับ” เสร็จทุกราย
กรณี ตามปัญหาที่จะต้องพิจารณา ท่านสมพร ดำพริก มีหน้าที่มารับคำร้อง คดีมรรยาททนายด้วยตนเองหรือไม่ เห็นว่า เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
ที่ท่านจะออกมารับด้วยตนเอง
ท่าน กับ “ทนายคนดัง เคยเป็นคู่กรณีเกี่ยวกับคดีมรรยาททนายความมาก่อน” ตามกฏหมายถือว่า เป็นปฏิปักษ์
ทนายดังย่อมยกเป็นข้อต่อสู้ได้ ประกอบกับลักษณะ ความผิดยังไม่ชัดแจนว่า จะผิดมรรยาททนายความหรือไม่
แต่ที่รู้ๆกันว่า “ความผิดฐานละเมิด“ ทางทนายคนดัง น่าจะดำเนินคดีกับ นายกสภาทนายความ และคณะที่ออกมาแถลงข่าวว่า ทนายคนดังประพฤติตนไม่เหมาะสม โดยมีท่านอุปพิเศษที่คุมมรรยาท “นั่งใส่แหวน”
อยู่หัวโต๊ะ โดยมิได้โต้แย้งหรือคัานค้าน
ทำให้กระแสสังคม “พิพากษา”ทนายคนดังไปแล้ว ว่า กระทำผิด
จึงเป็นกรณีศึกษา
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม