ดร.สุกิจ พูลศรีเกษม ได้โพสข้อความระบุว่า
ด้วยเมื่อวันที่ 22 มิถนายน 2563 เวลา14.00น.นายสุกิจ พูนศรีเกษมพร้อมด้วยนายเกียรติคุณ ต้นยาง ทนายความได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภอเมือง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา
ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายอัจฉริยะ หรือ ธัญเทพ หรือ รเณศ หรือ โรจน์ทวี เรืองรัตพงศ์ ผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(8)
ในความผิดฐานดูหมิ่นศาลและนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นเหตุให้ศาลจังหวัพระนครศรีอยุธยาได้รับความเสียหาย
กล่าวคือ วันที่ 18 มิถุนายน 2563 ศาลจังหวัด พระนครศรีอยุธยาได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ ลศ๑/๒๕๖๓ คดีหมายเลขแดงที่ อ ลศ ๑/๒๕๖๓
คดีระหว่าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ผู้กล่าวหา นายอัจฉริยะหรือธัญเทพ หรือ รเณศหรือ โรจน์ทวีเรืองรัตพงศ์ ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ได้ให้การรับสารภาพ ศาลมีความพิพากษาว่ามีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล โดยรอการกำหนดโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
เป็นเหตุให้ ข้อความที่ไล้นสดนั้นไม่เป็นความจริง การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนั้นย่อมเป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาลที่นั้งพิจารณาคดี อีกคดีหนึ่ง แล้วยังนำข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ประชาชนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงขาดความเชื่อถือศาล ที่เป็นที่พึ่งของประชาชน
การกระทำของผู้กระทำผิดดังกล่าวข้างต้น. ย่อมมีผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม ทั้งที่ผู้ต้องหารับสารภาพ
ในคดีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิดได้กล่าวโทษในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ว่า
ที่กล่าวหาศาลนั้นไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนขาดความน่าเชื่อถือ ในขบวนการยุติธรรม
จึงขอให้ดำเนินคดีกับผิดกระทำความผิดกับบุคคลดังกล่าวอีกข้อหาหนึ่ง ชึ่ง. เป็นบุคคลดังกล่าวนี้ เป็นบุคคลเดียวต้องหาที่ นายกรัฐมนตรี
กล่าวหาผู้ต้องหานี้ ที่ สน.นางเลิ้ง
และที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์กล่าวหาผู้ต้องหานี้ ที่สน.พญาไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์จังหวัดราษบุรี กล่าวหาผู้ต้องหานี้ในเขตพื้นที่รับผิดชอบและยังมีผู้เสียหายอื่นๆทั่วประเทศ และถูกดำเนินคดีหลายคดี ตามข่าวสื่อมวลชน เสนอข่าว
ขอให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจสอบทุกคดี เพื่อมาเป็นข้อมูลให้พนักงานอัยการนับโทษต่อ
พตท.จักพันธ์ ธูปเตมี สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรณ์ จังหวัพระนครศรีอยุธยาได้รับคำร้องทุกกล่าวโทษ ไว้ตามคดีอาญาที่ 580/2563
ไม่มีเหตุตามกฏหมายใดที่ ผกก.เมืองในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนจะปฎิบัติหน้าที่ล่าช้าฯ เพราะผู้ต้องหานี้ได้ให้การรับสารภาพในคดีอื่น ที่ถูกกล่าวหา ว่าละเมิด อำนาจศาลแล้ว และหัวหน้าพนักงานสอบสวนไม่มีเหตุตามกฏหมายที่จะส่ง คำกล่าวโทษของข้าฯไปตีความ
ในหน่วยงานเดียวกันเอง
ข้าฯ ฯได้สอบถาม ผกก สถานีตำรวจภูธรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาชึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีนี้
ได้อ้างว่าส่งให้ไปตีความที่กองบัญชาการตำรวจภูธรณ์ ภาค 1 ในปัญหาข้อกฏหมาย นั้น อันเป็นการละเลยต่อหน้าที่ ขบวนยุติธรรมยังมีอัยการและศาล เป็นผู้กลั่นกรองข้อกฏหมาย
ข้าฯมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับ ผกก.สถานีตำรวจภูธรณ์ เมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกี่ยวกับการปฎิบัติหน้าที่ จึงขอให้ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสอบข้อเท็จจจริงกับ ผู้กำกับการตำรวจภูธรณ์เมือง อยุธยาให้แก่ข้าพเจ้าด้วย
ทั้งนี้เวลาล่วงเลยมา1 ปีแล้ว.ในวันที่ 22 มิถุนายน 2564 นี้. ถือว่าผกก.เมือง.ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ ตร.419/2556 หากไม่ทำงานก็ขอให้ผู้กำกับเมืองอยุธยาลาออกไปเสีย
จึงขอให้ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโปรดพิจารณาให้แก่ข้า ด้วยจักเป็นพระคุณอย่างสูง
ขอแสดงความนับถือ 
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม