ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า ถ้าแผนการพูดคุยกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ไม่ได้ผล เขาจะ “วอล์คเอาท์”
ในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างนายทรัมป์ กับนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ทั้งสองกล่าวว่ายังควรจะคงมาตรการกดดันขั้นสูงสุดเพื่อให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์
นายอาเบะพูดคุยกับนายทรัมป์ที่รีสอร์ทมาร์อาลาโก (Mar-a-Lago) ของครอบครัวทรัมป์ในรัฐฟลอริด้า
ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์แถลงว่า นายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ได้พูดคุยในทางลับกับนายคิมระหว่างเดินทางไปเกาหลีเหนือ
นายทรัมป์กล่าวว่า นายปอมเปโอได้สร้าง “ความสัมพันธ์อันดี” กับนายคิม บุคคลที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยเรียกว่า “มนุษย์จรวดน้อย” เมื่อปีที่แล้ว และการพบปะกันเป็นไปอย่างราบรื่น
การพบปะระหว่างบุคคลระดับสูงของสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2000 ทั้งนี้นายทรัมป์คาดหวังว่าการประชุมสุดยอดกับนายคิมจะเกิดขึ้นได้ในเดือน มิ.ย. นี้ ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงสถานที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
จุดประสงคของภารกิจ ผอ.ซีไอเอ คือการปูทางให้ทรัมป์-คิมได้พบปะกัน
การประชุมสุดยอดจะคุยอะไรกัน ?
ปธน. ทรัมป์ระบุในการแถลงข่าวว่าหากเขาคิดว่าการพูดคุยจะไม่ประสบความสำเร็จ เขาก็ไม่เดินทางไปร่วม และถ้าการหารือดำเนินไปอย่างไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์อันใด เขาจะผละ หรือวอล์คเอาท์ จากการประชุมทันที
“แผนกดดันขั้นสูงสุดของเรายังคงจะดำเนินต่อไป จนกว่าเกาหลีเหนือจะยกเลิกโครงการอาวุธเคลียร์” ปธน. ทรัมป์ กล่าว “อย่างที่ผมเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า มีเส้นทางที่สดใสสำหรับเกาหลีเหนือ หากบรรลุเป้าหมายในการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ และไม่หวนกลับไปในเส้นทางเดิมอีก มันจะเป็นวันที่ดีสำหรับพวกเขา และวันที่ดีเยี่ยมสำหรับโลกนี้”
ในการหารือระหว่างผู้นำญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 18 เม.ย. นายอาเบะเรียกร้องนายทรัมป์ให้ช่วยหารือเรื่องการปล่อยตัวพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980
นายอาเบะ กับนายทรัมป์ หารือร่วมกันที่รีสอร์ทมาร์อาลาโก ของครอบครัวทรัมป์ในรัฐฟลอริด้า
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือยอมรับว่า ได้ลักพาตัวพลเมืองญี่ปุ่นจำนวน 13 คนเพื่อไปฝึกสายลับของเกาหลีเหนือให้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมของญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นเชื่อว่าตัวเลขน่าจะสูงกว่านี้ ปัญหานี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่ราบรื่นต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ
ส่วนสหรัฐฯ เองก็มีพลเมืองสามคนที่ถูกกักขังอยู่ในเกาหลีเหนือ
นายทรัมป์บอกว่า สหรัฐฯ จะ “ทำงานอย่างหนัก” เพื่อพยายามนำชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปกลับบ้าน รวมทั้งจะดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อให้ชาวอเมริกันทั้งสามคนได้กลับบ้านเกิดด้วยเช่นกัน
“ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีในการทำเรื่องนี้ เรากำลังเปิดฉากการสนทนาที่ดี” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว
ทรัมป์กับคิมจะพบกันเมื่อไร และที่ไหน ?
ปธน. ทรัมป์สร้างความประหลาดใจให้ประชาคมโลกเมื่อเขาตอบรับข้อเสนอจากกรุงเปียงยางที่จะพบกับนาย คิม จอง อึน หากว่าทั้งสองพบกันจริง ก็จะเป็นการหารือที่สำคัญเป็นประวัติการณ์ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งคนใดหารือพูดคุยกับผู้นำเกาหลีเหนือมาก่อน
เขาบอกว่าการประชุมสุดยอดนี้จะเกิดขึ้นต้นเดือน มิ.ย. หรือก่อนหน้านั้นเล็กน้อย และกำลังพิจารณาสถานที่หลายแห่งที่จะใช้เป็นจุดนัดพบของสองผู้นำ
ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า สถานที่ในการเจรจาอาจเป็นเขตปลอดทหารที่อยู่ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ หรือประเทศหนึ่งในเอเชีย หรือประเทศที่เป็นกลางในยุโรป
เกาหลีเหนือถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกมาหลายสิบปี เพราะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จากการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเนื่อง และโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
แต่เกาหลีเหนือก็ยังคงเดินหน้าทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของตนถึง 6 ครั้ง จนสามารถพัฒนาขีปนาวุธที่เกาหลีเหนืออ้างว่าสามารถโจมตีสหรัฐฯ ได้ ซึ่งยิ่งเพิ่มความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือกับนานาชาติ
แต่เมื่อเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ก็ได้เปิดช่องทางด้านการทูตขึ้น และหลายสัปดาห์หลังจากนั้น ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือก็เดินทางไปพบปะกับผู้นำประเทศที่มีบทบาทในการเจรจาในเกาหลีเหนือยุติโครงการพัฒนานิวเคลียร์ตลอดมา โดยเริ่มที่การเยือนจีน และในวันที่ 27 เม.ย. นี้ก็นาย คิม จอง อึน ก็กำลังจะพบปะกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และหากเป็นไปตามแผน ก็จะต่อด้วยการพบกับผู้นำสหรัฐฯ
Cr.bbcthai
สำนักข่าววิหคนิวส์