ระหว่างการประชุมกับประธานาธิบดีริวเวน ริฟลิน (Reuven Rivlin) ของอิสราเอลนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯได้กล่าวว่าอิหร่านและรัฐอิสลาม (ไอเอส) เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง ดังนั้นจึงเรียกร้องให้มีการส่งเสริมสัมพันธไมตรีอันยาวนานระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐฯ เพื่อต่อต้านอิหร่านกับสหรัฐฯ
เขายืนยันในจุดยืนของตนเองว่า สหรัฐฯและอิสราเอลควรจะประกาศว่า “อิหร่านไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการใดๆเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ อีกทั้งควรจะลดการฝึกฝนและให้เงินสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายและกองกำลัง ซึ่งควรจะดำเนินการลดเลยทันที”
มีรายงานระบุว่ากลุ่มกองกำลังชีอะห์ที่ได้รับการสนับสนุนโดยอิหร่านนั้น ช่วยกองทัพของประธานาธิบดีบาซาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ทำการสู้รบกับกลุ่มกบฏชาวซีเรีย
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ผู้ที่เป็นแกนนำคัดค้านข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ระหว่างมหาอำนาจกับอิหร่านเมื่อปี 2015
ทั้งนี้ ทรัมป์เดินทางถึงอิสราเอลเมื่อช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเขาจะเยือนอิสราเอลและเวสต์แบงก์ในภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นเวลาสองวัน อีกทั้งจะพบปะกับประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส (Mahmoud Abbas) ของปาเลสไตน์ในวันนี้ (22 พ.ค.)
ภาพและข้อมูลจาก China Xinhua News
#Wanwilai วันวิไล รักการดี สำนักข่าว Vihoknews