ผมไม่อนุญาตให้คุณสิระ พบคุณแม่น้องชมพู่
_______\\\\\\\\__________
โดยสุกิจ พูนศรีเกษม นักวิชาการด้านกฏหมาย
ต้องขอบอกเลยว่ามันใหญ่จริง ส่วนทนายความแถลงข่าวว่า ทะแนะไปปรึกษาให้ช่วยทำคดีนี้ ที่แม่น้องชมพู่ที่คัดค้านต่อศาลนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ผลเสียที่เดียว และยังปฎิเสธว่า ไม่ใช่อัศวินม้าขาวมาช่วยแม่น้องชมพู่ นั้น ถูกต้องแล้ว
“จะได้ไม่เสียชื่อคนแนะนำ” แม่น้องชมพู่ใช้บริการทีมทนาย ทะแนะ คือ
โปรดิวเซอร์ช่อง 3 ชื่อหนุ่มไนจีเรีย ที่ชี้นำหนุ่มกรรชัยได้และถูกฟ้องมาหลายคดีแต่ผมไม่เชื่อแต่ผู้เสียหายรับว่า ….……วันเสาร์นี้มีคำตอบ
หัวหน้าทีมทนายแม่น้องชมพู่ ยังให้สัมภาษว่า เชื่อมั่นผู้เชียวชาญที่ออกมาวิพากตามสื่อนั้นด้วย เป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่า ผมยังมีความเห็นแย้ง ท่าน”ทะแนะ”มือปราบก้านมะยม กล่าวคือ “ท่านทะแนะกับผู้เชียวซาญทางเคมี และนายสิระ เจนจาคะมาก่อนหรือเปล่าการไม่อนุญาตห้ามไม่ให้ นายสิระ พบผู้เสีย ชึ่งมีเหตุสงสัยตามสมควรว่า
(1) นายสิระเจน จาคะ เป็นทั้งทนายความ และนักกฎหมาย และเป็นผู้แทนราษฎร์ และยังเป็นกรรมาธิการทางกฏหมายและสิทธิมนุษย์ชน โดยชอบด้วยกฏหมาย ก็ต้องไปทำหน้าที่วันเสาร์นี้ การไม่อนุญาตให้พบเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เสียหาย ไม่ใช่สิทธิของ”ทะแนะ ชึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ได้รับมอบหมาย (เว้นแต่เป็นคำสั่งศาล) ให้”ทะแนะ”ไปดูกฏหมายรัฐธรรมนูญ เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
(2) “ทะแนะ”ไม่ใช่เป็นชมรม ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย แต่เป็นชมรมโดยสภาพ “ตามสื่อที่และ”ทะแนะสร้างขึ้นและพูดถึง ที่ยังไม่มีกฏหมายคุ้มครอง
(3) ผมเชื่อว่า คุณแม่สาวิตีนั้น เป็นคนสุภาพ ไม่โกหกและพูดความจริง จากการให้สัมภาษ ทั้งนี้การคัดค้านประกันตัว “ลุงพล” คุณแม่สาวิตีแม่น้องชมพู่ก็ได้ตอบทนายรูปหล่อแห่งบ้าน”กกกอก” ถามค้านรับว่า มีคนสอน
(4)ทนายรูปหล่อให้ข่าวว่า กำลังจะเป็นคดีความกันอยู่ ถ้าหากปรากฏอีกครั้งหนึ่งว่า การไม่อนุญาตสิระ เข้าพบถ้ามีผู้อยู่เบื้องหลัง ทั้ง”ทะแนะและทนายก็จะมีครุฑของตำรวจหรือศาลบินมาแป็ะหน้าบ้าน เป็นหมายเรียก
(5 ) หัวหน้าทีมทนาย “ทะแนะ” อ้างว่าเชื่อผู้เชียวชาญที่พิสูจน์วัตุพยานที่ออกสื่อนั่น” เข้าทางทนายรูปหล่อแห่งบ้าน”ก๊กกอด” ที่จะออกหมายเรียกมาเป็นพยานเป็นให้สงสัยตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา227วรรคสอง
ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่า ทางทนายรูปหล่อก็รู้อยู่แล้วผู้เชี่ยวชาญท่านนี้เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่าเป็นผู้เชียวชาญทางเคมี ไม่ใช่ผู้เชียวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ สาขานิเวชวิทยาเกี่ยวกับองค์ความรู้ ทางด้านพิสูจน์ “เส้นผม” และเรื่องเอกสารรับรองตามกฏหมายของเครื่องพิสูจน์ นั้น ท่านผมเชี่ยวชาญทางด้านเคมีต้องนำมาพิสูจน์ และมีหลักฐานให้ศาลเห็ไม่อย่างนั้น มีน้ำหนักน้อย เชื่อถือไม่ได้
ผมว่า นักนิติศาสตร์ อย่างทนายรูปหล่อแห่งบ้าน”กกกอด”ไม่ใช่ทนายความอยู่ใต้บัญชาการของคนที่ไม่จบกฏหมาย
ดูประวัติการเรียนไม่ใช่ธรรมดา ได้ผ่านวิชานิติเวช ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยการไปดูการผ่าศพ คดีคนตายอย่างผิดธรรมชาติ ก่อนจบการศึกษา “ชึ่งสถานบันนิติเวช เรียกว่าศพนั้นว่า”พระอาจารย์ผมไม่อนุญาตให้คุณสิระ พบคุณแม่น้องชมพู่
_______\\\\\\\\__________
โดยสุกิจ พูนศรีเกษม นักวิชาการด้านกฏหมาย
ต้องขอบอกเลยว่ามันใหญ่จริง ส่วนทนายความแถลงข่าวว่า ทะแนะไปปรึกษาให้ช่วยทำคดีนี้ ได้ แถลงข่าวว่า ที่แม่น้องชมพู่คัดค้านต่อศาลนั้น ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ผลเสียที่เดียว นั้น และยังปฎิเสธว่า ไม่ใช่อัศวินม้าขาวมาช่วยแม่น้องชมพู่ นั้นถูกต้องแล้ว
จะได้ไม่ชื่อคนแนะนำ แม่น้องชมพู่ใช้บริการทีมทนาย ทะแนะ คือ โปรดิวเซอร์ช่อง 3 ชื่อหนุ่มไนจีเรีย ที่ชี้นำหนุ่มกรรชัยได้ แต่ผมไม่เชื่อ
แต่ผู้เสียหาย….……วันเสาร์นนี้มีคำตอบ
หัวหน้าทีมทนายยังแถลงข่าวต่อไปว่า เชื่อมั่นผู้เชียวชาญที่ออกมาวิพากตามสื่อนั้นด้วย เป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่า ผมยังมีความเห็นแย้ง ท่าน”ทะแนะ”มือปราบก้านมะยม กล่าวคือ
(1) นายสิระเจน จาคะ เป็นทั้งทนายความ และนักกฎหมาย และเป็นผู้แทนราษฎร์ และยังเป็นกรรมาธิการทางกฏหมายและสิทธิมนุษย์ชน โดยชอบด้วยกฏหมาย ก็ต้องไปทำหน้าที่วันเสาร์นี้ การไม่อนุญาตให้พบเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เสียหาย ไม่ใช่สิทธิของ”ทะแนะ ชึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ได้รับมอบหมาย (เว้นแต่เป็นคำสั่งศาล) ให้”ทะแนะ”ไปดูกฏหมายรัฐธรรมนูญ เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
(2) “ทะแนะ”ไม่ใช่เป็นชมรม ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย แต่เป็นชมรมโดยสภาพ “ตามสื่อที่และ”ทะแนะสร้างขึ้นและพูดถึง ที่ยังไม่มีกฏหมายคุ้มครอง
(3) ผมเชื่อว่า คุณแม่สาวิตีนั้น เป็นคนสุภาพ ไม่โกหกและพูดความจริง จากการให้สัมภาษ
ทั้งนี้การคัดค้านประกันตัว “ลุงพล” คุณแม่สาวิตีแม่น้องชมพู่ก็ได้ตอบทนายรูปหล่อแห่งบ้าน”กกกอก” ถามค้านรับว่า มีคนสอน
(4)กำลังจะเป็นคดีความกันอยู่ ถ้าหากปรากฏอีกครั้งหนึ่งว่า การไม่อนุญาตสิระ เข้าพบถ้ามีผู้อยู่เบื้องหลัง ทั้ง”ทะแนะและทนายก็จะมีครุฑของตำรวจหรือศาลบินมาแป็ะหน้าบ้าน เป็นหมายเรียก
(5 ) หัวหน้าทีมทนาย “ทะแนะ” อ้างว่าเชื่อผู้เชียวชาญที่พิสูจน์วัตุพยานออกสื่อนั่น” เข้าทางทนายรูปหล่อแห่งบ้าน”ก๊กกอด” เลยที่จะออกหมายเรียกมาเป็นพยานเป็นให้สงสัยตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา227วรรคสอง
ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่า ทางทนายรูปหล่อก็รู้อยู่แล้วผู้เชี่ยวชาญท่านนี้เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่าเป็นผู้เชียวชาญทางเคมี ไม่ใช่ผู้เชียวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ สาขานิเวชวิทยาเกี่ยวกับองค์ความรู้ ทางด้านพิสูจน์ “เส้นผม” และเรื่องเอกสารรับรองตามกฏหมายของเครื่องพิสูจน์ นั้น ท่านผมเชี่ยวชาญทางด้านเคมีต้องหลักฐานนำมาพิสูจน์ ไม่อย่างนั้น มีน้ำหนักน้อย เชื่อถือไม่ได้
ผมว่านักนิติศาสตร์ อย่างทนายรูปหล่อแห่งบ้าน”กกกอด”ไม่ใช่ไมทนายความอยู่ใต้บัญชาการของคนที่ไม่จบกฏหมาย
ดูประวัติการเรียนไม่ใช่ธรรมดา ได้ผ่านวิชานิติเวช ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยการไปดูการผ่าศพ คดีตายอย่างผิดธรรมชาติ ก่อนจบการศึกษา “ชึ่งสถานบันนิติเวช เรียกว่าศพนั้นว่าพระอาจารย์
ทนายรูปหล่อฝ่ายลุงพลจึงมีความรู้ทางนิติเวชวิทยาโดยตรง มี เชิงมวยก็ต่างกัน คำถามเกี่ยวกับสภาพสิ่งแวดล้อมต่างกันในที่เกิดเหตุต่างกัน เปรียบเป็นมวยนั้นฝ่ายทนายลุงพล ฯนั้น ศึกษามาโดยตรง แค่ถามแนะว่า”เคยเข้าห้องผ่าศพหรือเปล่า ผมตอบแทนเลยว่า”ทะแนะ”ตอบว่า “กลัวผี “
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเคมี จึงไม่ใช่ผู้เชียวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ สาขานิติเวชวิทยาที่มีความรู้ทางด้านผ่าศพและเส้นผม
อาจารย์หมอพรทิพว่าออกมาอธิบายว่า นักนิติวิทยาศาสตร์นั้น จะต้องประกอบด้วยองค์ความรู้ที่ที่เป็นสากล ชึ่งเมืองไทยมีน้อยมาก
จึงเป็นกรณีต้องศึกษา
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม