สกู๊ปข่าว » #“ทักษิณ”ยันไม่เคยคิดดึงฟ้าต่ำ มีแต่ยกฟ้าสูง

#“ทักษิณ”ยันไม่เคยคิดดึงฟ้าต่ำ มีแต่ยกฟ้าสูง

27 March 2019
2564   0

“ทักษิณ”ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย ยันไม่เคยคิดดึงฟ้าต่ำ มีแต่ยกฟ้าสูง ระบุไม่เกี่ยวข้องกับการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของ ทษช. เป็นแค่กองเชียร์เฉยๆ

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. สำนักข่าวบีบีซีไทย ได้เผยแพร่ข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

หลังงานแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก แพทองธาร ชินวัตร และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ ที่โรงแรมโรสวูด ในฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายทักษิณ ชินวัตร พำนักอยู่ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของจีนต่ออีกหลายวัน พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศหลายสำนักวิจารณ์ผลการเลือกตั้งว่า “ไม่ปกติ”

ภาพความยิ่งใหญ่ของงานมงคลสมรส ที่มี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จร่วมงาน ก่อให้เกิดเสียงชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วประเทศไทย นายทักษิณชี้แจงเรื่องนี้ว่าเป็นมิตรภาพที่มีกันมานานกว่า 30 ปี

“ผมเป็นเพื่อนกับท่านมาสามสิบปี ตั้งแต่สมัยท่านยังอยู่กับปีเตอร์ เจนเซ่น และก็คบกัน ท่านให้เกียรติกับผมเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง เป็นลักษณะใกล้ชิดกันเหมือนเพื่อน ผมรู้อุปนิสัยท่านดีว่าขยัน ชอบทำงาน และอยากเห็นบ้านเมืองดี” อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 69 ปี ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยที่โรงแรมแห่งหนึ่งบนฝั่งเกาลูนของเกาะฮ่องกง

แม้นคนจำนวนมากเชื่อว่าตัวเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นผู้สมัครในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จนเป็นต้นเหตุให้พรรคถูกยุบโดยศาลรัฐธรรมนูญ แต่ ทักษิณ ระบุว่า “ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง” กับกระบวนการเสนอชื่อ

“เป็นเรื่องของพรรค ไม่ใช่ของผม ผมอยู่เมืองนอกในฐานะผู้สังเกตการณ์ เป็นกองเชียร์เฉย ๆ” เขาปฏิเสธ

“ดึงฟ้าต่ำ”

การเสนอชื่อทูลกระหม่อม “โดยพรรค” ต้องสะดุดกึกในเวลา 13 ชั่วโมงต่อมา เมื่อ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า “การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม… ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”

หลังพระราชโองการ ฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกับนายทักษิณมองว่าเป็นการกระทำในลักษณะ “ดึงฟ้าต่ำ” แต่นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ผู้ที่ออกจากประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551 ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

“เราไม่เคยคิดดึงฟ้าต่ำ เรามีแต่ยกฟ้าสูง แต่บังเอิญว่ามันเป็นเรื่องที่ท่านทรงสละ ต้องมองให้ดีว่าท่านรักบ้านเมือง รักประชาชน ท่านอยากทรงเสียสละที่จะมาทำงานให้บ้านเมือง ในเมื่อว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านบอกว่าไม่ได้ ไม่ได้ก็ท่านก็จบ ไม่ได้ ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น อย่าไปคิดว่าดึงฟ้าต่ำ คนที่ดึงฟ้าต่ำจริง ๆ ไม่ใช่ผมหรอก ผมมีแต่ยกย่องเทิดทูน แน่นอน”

ปรากฏการณ์ 8 กุมภาฯ

หากแต่เพียงปรากฏการณ์ 8 กุมภาฯ ไม่ได้เกิดขึ้น ผลการนับคะแนนเลือกตั้งเมื่อ 24 มีนาฯ คงไม่ประหลาด จนทำให้พรรคการเมืองฝ่ายหนุนและต้านทหารพากันอ้างชัยชนะชิงประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคการเมืองที่ถูกมองว่าเกี่ยวโยงกับนายทักษิณ คงพากันตบเท้าเข้าสภา คว้าชัยชนะล้นหลาม มีน้ำหนักมากพอคานกับ 250 สมาชิกวุฒิสภาที่คาดว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

เมื่อพรรคเพื่อไทยกลายเป็นผู้เล่นหลักในสมรภูมิการเมือง กับฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และคะแนนที่ชนะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ไม่ขาดลอย อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนชนบท มองผลคะแนนที่ออกมาอย่างไร

“เหมือนรอเปลี่ยนตัวเลขกันอยู่”

“มันมีความผิดปกติเยอะ… ในหลายพื้นที่… และการนับคะแนนมันควรจะครบ 100% นานแล้วแต่ก็ไม่เสร็จ… มันเหมือนรอเปลี่ยนตัวเลขกันอยู่” อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่คุ้นชินกับการคว้าชัยชนะทางการเมืองแบบถล่มทลายระบุ

ขณะนี้มีเพียงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมายืนยันว่าการเลือกตั้ง “โปร่งใส” ขณะที่บุคคลในรัฐบาลอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ขอให้ใจเย็นอย่าด่วนสรุป พล.อ.อนุพงษ์ ขอไม่วิจารณ์คำพูดของนายทักษิณ

นักธุรกิจที่สร้างความร่ำรวยจากธุรกิจผูกขาดการให้บริการโทรศัพท์มือถือในเมืองไทยในระยะเริ่มต้นของเทคโนโลยีนี้ ไม่เชื่อว่าคนไทยไปเลือกพรรคที่มีทหารหนุนหลัง เพราะต้องการเห็นความสงบของบ้านเมือง เขาเชื่อว่าปัญหาที่คนไทย 80% เป็นกังวลคือเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนคนที่ห่วงเรื่องความไม่สงบนั้นมีน้อย

“ความสงบเพราะทหารมีอำนาจแล้ว หรือไม่สงบเพราะทหารยังไม่มีอำนาจ ส่วนใหญ่ทหารเป็นคนกำหนดว่าจะให้สงบหรือไม่สงบ ที่สงบโดยไม่มีอนาคตนี่ มันก็ไม่ใช่ว่าจะดี”

“ไม่รู้จักธนาธร” แต่ “จับมือ” ได้

แม้ย้ำว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดแล้วในเวลานี้ แต่นายทักษิณ มองเห็นความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับ “อนาคตใหม่” พรรคน้องใหม่ที่มี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคคนรุ่นใหม่ที่ “มีอุดมการณ์เดียวกัน” กับเขาคือ “ไม่ส่งเสริมการสืบทอดอำนาจของคณะปฏิวัติ”

ก่อนวันเลือกตั้งไม่ถึงสัปดาห์ มีการเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงนายธนาธรสนทนากับนายทักษิณ เรื่องนี้นายทักษิณให้ความเห็นว่า

“ผมไม่รู้จักธนาธร ไม่เคยเจอเลย ไม่เคยคุยโทรศัพท์กัน ไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร แต่ดูการหาเสียงและให้สัมภาษณ์เห็นว่ามีอุดมการณ์สูงเหมือนตอนผมเข้ามาใหม่ ๆ” มหาเศรษฐีอันดับ 19 ในทำเนียบ 50 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของไทย ปี 2018 โดยนิตยสารฟอร์บส กล่าว

นายธนาธร แถลงวันที่ 25 มี.ค. ว่า เขาพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ “พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเราต้องการยืนยันวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง” และไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขในการต่อรองทางการเมืองอันจะนำไปสู่การเกิดเดดล็อกทางการเมืองจนจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และยืนยันว่า “นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพรรคที่ได้จำนวน ส.ส. มาเป็นอันดับหนึ่ง”

พรรคอนาคตใหม่

พร้อมคุยกับผู้มีอำนาจ

นายทักษิณ ขอร้องผู้อยู่ในอำนาจว่า อย่าได้มองเขาในแง่ลบ อย่ามองเขาเป็นศัตรู แต่ขอให้มองเขาเป็นคนที่ “น่าจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง”

“ผมไม่ต้องใช้คำพูดว่า เจรจา ใช้คำพูดว่า ถ้าผมจะเป็นอะไรจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็คุยกันได้ แค่นั้นเอง อย่าไปมองผมเป็นศัตรู… ขอให้คิดอย่างเดียวว่าผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง และเคยเป็นอดีตนายกฯ รักบ้านเมือง รักประชาชน รักพระเจ้าอยู่หัว มีอะไรจะใช้ก็บอกกันมา ก็แค่นั้นเอง”

แต่ไม่กลับมารับโทษ

ทว่า เมื่อมาถึงคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะกลับมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในอย่างน้อย 6 คดีที่ถูกกล่าวหา นายทักษิณขอเป็นฝ่ายตั้งคำถามกลับว่า “พิสูจน์ความยุติธรรมกันก่อนได้ไหม”

“ตั้งแต่กระบวนการ เอาศัตรูผมทั้งนั้นมานั่งเป็นกรรมการสอบสวน แล้วมันแฟร์ (ยุติธรรม) ตรงไหนอะ มันไม่แฟร์แต่ต้น”

เขาตัดบทจบการพูดคุยก่อนจะลุกไปจากห้องสนทนา

Cr.bbcthai

สำนักข่าววิหคนิวส์