เมื่อวานนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าว โดยอ้างถึงสำนักข่าววิเจสติ (Vijesti) ของประเทศมอนเตเนโกร ลงวันที่ 28 ก.พ. ระบุว่า สิ่งปลูกสร้างอาคาร 2 หลัง ที่ปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ พื้นที่รวม 900 ตารางเมตร บนเกาะสเวตินิโกลา หรือเกาะเซนต์นิโคลัส ที่ได้ชื่อว่า เป็นฮาวายของมอนเตเนโกร ใกล้กับเมืองบุดวา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมอนเตเนโกร
.
ซึ่งมีบริษัท โกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร ของนายทักษิณ ชินวัตร หรือนายโทนี่ วู้ดซั่ม อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน เป็นเจ้าของ อาจก่อสร้างโดยมิชอบ เนื่องจากพื้นที่บางส่วนสร้างขึ้นบนแปลงที่ไม่ใช่ที่ดินของตัวเอง แต่รุกล้ำไปในพื้นที่ของคนอื่นโดยไม่มีใบอนุญาต
.
โดยสํานักเลขาธิการคุ้มครองทรัพย์สินของเทศบาลเมืองบุดวา ได้ส่งหนังสือด่วนพิเศษ ถึงนายรัตโก มิโตรวิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาการวางแผนเชิงพื้นที่ และความเป็นเมือง เมื่อเดือน ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ขอให้ปกป้องเกาะเซนต์นิโคลัส เพื่อคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ ปรับปรุงแผนการพิเศษสำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเล และให้ยุติแผนการก่อสร้างที่จะดำเนินต่อไป เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อพืช และสัตว์ ส่งผลต่อรูปลักษณ์ของเกาะ การเคลื่อนที่ของกระแสน้ำทะเล และการไหลของอากาศ อันตรายต่อปริมาณทรายชายหาดสโลวีเนีย ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของมอนเตเนโกร ต้องหายสาบสูญไปทั้งหมด
.
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน บริษัทโกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร ของนายทักษิณ ได้ขอให้เทศบาลเมืองบุดวา ดำเนินการให้อาคารบนเกาะดังกล่าวมีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย จากการตรวจสอบของสำนักข่าววิเจสติ พบว่า มีการร้องขอดังกล่าว โดยช่วงปี 2550 อาคารดังกล่าวถูกสร้างขึ้น และมีการจ่ายภาษีอสังหาริมทรัพย์ แต่ต้องมีการส่งข้อมูลการศึกษาทางธรณีวิทยาที่ผ่านการรับรอง และเอกสารประกอบตามมาด้วย ที่ผ่านมามีคำขอลักษณะดังกล่าวเกือบ 5,000 เรื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
.
ล่าสุด มีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการก่อสร้างที่ดินบนเกาะนี้หลายครั้ง รวมทั้งมีสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่า ไม่มีใบอนุญาตเช่นกัน โดยมากจะมีบริษัท Public Company for Maritime Property Management (บริษัทมหาชนเพื่อการจัดการทรัพย์สินทางทะเล) เป็นผู้ก่อสร้าง นายทักษิณได้พยายามที่จะหาผู้ที่จะมาซื้อต่อในบางส่วนของเกาะ แต่ก็ไม่มีการยืนยันจากทางหน่วยงานแต่อย่างใด
.
สำหรับอาคารบนเกาะดังกล่าว ถูกสร้างขึ้นโดยนายเนนาด ยอร์ดเยวิช นักธุรกิจจากกรุงเบลเกรด ในช่วงปี 2545 โดยมีแผนที่จะก่อสร้างเขตอนุรักษ์ควบคู่ไปกับรีสอร์ตท่องเที่ยวสุดหรู แต่ในปี 2550 พรรคประชาธิปัตย์แห่งสังคมนิยมมอนเตเนโกร (DPS) ไม่เห็นด้วยกับนายยอร์ดเยวิช จึงได้ขายที่ดินให้นายสแตนโก ซูโบติก เคน นักธุรกิจชาวเซอร์เบียผู้อื้อฉาว ด้วยราคา 20 ล้านยูโร (737 ล้านบาท) แต่ปรากฏว่า เงินที่นายซูโบติกใช้ซื้อเกาะนั้น เป็นเงินกู้จากนายอาโค ดูคาโนวิช เจ้าของธนาคารปราวา แบงกา (Prva banka) และยังเป็นน้องชายนายไมโล ดูคาโนวิช หัวหน้าพรรค DPS คนปัจจุบัน
.
นายซูโบติกตั้งใจว่า จะสร้างทางเดินจากส่วนที่เป็นเมืองเก่าบนเกาะ มีทั้งโรงแรม วิลลา และท่าจอดเรือ 2 แห่ง ตามแนวกำแพงเมืองเก่า แต่เมื่อนายซูโบติกไม่ชำระคืนเงินกู้ ธนาคารปราวา แบงกา พยายามขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวถึงสองครั้ง แต่ก็ล้มเหลว ทำให้ยังมีภาระผูกพันกับบริษัทของนายซูโบติก กระทั่งนายซูโบติกตัดสินใจขายให้กับบริษัท โกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร ของนายทักษิณ ไม่นานนักธนาคารปราวา แบงกา จึงถอดสถานะการจำนองของเกาะออกไป
.
ทั้งนี้ นายทักษิณได้รับสัญชาติมอนเตเนโกรด้วยขั้นตอนที่สั้น ประมาณปี 2552 แม้จะถูกพิพากษาคดีทุจริตที่ประเทศไทย แต่นายทักษิณได้เป็นแขกประจำที่ย่านสเวติ สเตฟาน ในเมืองบุดวานานหลายปี หลังจากนายทักษิณพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2549 ก็ได้หนีออกจากประเทศไทยเพื่อหลบหนีโทษจำคุกในข้อหาทุจริต และได้ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ เมื่อมาถึงประเทศมอนเตเนโกร ก็มีรายงานจากสื่อว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันนายไมโล ดูคาโนวิช อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานาธิบดีมอนเตเนโกร ส่วนบริษัทของนายทักษิณก็ไม่เคยประกาศต่อสาธารณะเกี่ยวกับแผนอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับเกาะนี้
.
แต่ในช่วง 1 ปีหลังจากนายทักษิณเข้ามาเป็นเจ้าของเกาะ รัฐสภามอนเตเนโกรได้ใช้แผนมุ่งเน้นพัฒนาความเป็นเมืองให้กับเกาะแห่งนี้ ด้วยการสร้างโรงแรมขนาด 500 ห้อง มีท่าเทียบเรืออีกกว่า 50 แห่ง ซึ่งบริษัทที่ดำเนินการก็คือ บริษัท โกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร ในขณะที่นายทักษิณนั้นถูกกล่าวหาว่า ได้พยายามที่จะขายอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ ทำให้สํานักเลขาธิการคุ้มครองทรัพย์สินของเทศบาลเมืองบุดวา ที่มีรองเลขาธิการพรรคเดโมแครตมอนเตเนโกรเป็นเลขาธิการฯ ต้องส่งหนังสือปกป้องเกาะเซนต์นิโคลัส ไปยังกระทรวงนิเวศวิทยาการวางแผนเชิงพื้นที่ และความเป็นเมืองดังกล่าว
.
เนื้อหาตอนหนึ่งของหนังสือบอกเล่าถึงเกาะสเวตินิโกลา หรือเกาะเซนต์นิโคลัส ว่า เป็นเสมือนกับหัวใจของเมืองบุดวา มีระยะห่างจากตัวเมืองเก่าของเมืองบุดวาเพียง 1 กิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลเอเดรียติกทางตอนใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 47 เฮกตาร์ โดย 90% ของเกาะนั้นเป็นป่าประเภทที่ 4 ในขณะที่รอบเกาะนั้นถูกล้อมไปด้วยชายหาดกว่า 840 เมตร อุดมไปด้วยพืช และสัตว์มากมาย อีกทั้งเป็นสวรรค์สำหรับนก และผู้สนใจทำกิจกรรมล่าสัตว์ขนาดเล็ก และในช่วงทศวรรษที่ 60 ที่ผ่านมา ได้นำกวางแฟลโลว์มาปล่อยไว้ที่เกาะแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นชายหาดที่เป็นที่นิยมของทั้งคนในประเทศมอนเตเนโกร และนักท่องเที่ยว
——————————-