จรรยาบรรณของหมอดู
ผมได้เขียนเตือนตนและหมอดูทั้งหลายไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ในหนังสือโหราศาสตร์เล่มที่ 2 ชื่อ
รู้เท่าทันหมอดู:อย่าปักใจเชื่อ !! “ในสิ่งที่เป็นเรื่องงมงายและหลอกลวง”
(2552) หน้า 162-163 พอสรุปได้ดังนี้ ผู้จะเป็นหมอดูหรือโหรที่ดีจะต้องไม่ลำเอียงเพราะความรัก(ฉันทาคติ) ถ้ารักก็ทำนายว่าดวงดี ทั้งๆที่ในดวงชะตาของเขาไม่ดี กำลังเผชิญเคราะห์กรรมอย่างหนัก ไม่ลำเอียงเพราะความโกรธหรือเกลียดชัง(โทสาคติ) ทั้งๆที่ดวงชะตาเขาดีแต่ทำนายว่าไม่ดี จะได้รับเคราะห์กรรมอย่างหนัก ต้องสะเดาะเคราะห์ด้วยเงินทองมหาศาล ถ้ารู้ว่าเขาเป็นคนร่ำรวย
ไม่ลำเอียงเพราะความเขลา หูเบา(โมหาคติ) ไม่รู้จริงอย่าทำนายส่งเดช และไม่ลำเอียงเพราะความเกรงกลัวภัยจะมาถึงตัว(ภยาคติ)
ผมจะยึดถือจรรยาบรรณนี้ตลอดมาและตลอดไป
สิ่งที่พิสูจน์ว่าผมไม่เคยมีอคติในการทำนายเกี่ยวกับครอบครัวชิณวัตรเลยตั้งแต่ทำนายดวงทักษิณก่อนตั้งพรรคไทยรักไทยที่ภัตตาคารหนึ่งถนนศรีอยุธยา และผมก็คบกันตลอดมา ผมโหวตให้ทุกครั้งขณะเป็น สว เขาเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนที่ทักษิณได้รับพระราชทานอภัยลดโทษขณะนอนโรงพยาบาลตำรวจ ผมก็ได้มีหนังสือไปแสดงความยินดีกับเขา
ผมมีหนังสือถึง ประธาน กกต เปรียบเทียบเงินที่ต้องใช้ในการแจกคนไทยอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปคนละหมื่นบาทครั้งเดียว กับเงินที่พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เดือนละ 3,000 บาท
ถ้าอยู่ครบ 4 ปีจะมากกว่าพรรคเพื่อไทยแจกครั้งเดียวคนละหมื่นเสียอีก
ผมเกรงว่า กกต จะมีอคติกับพรรคเพื่อไทยแล้วหาเรื่องเล่นงานในภายหลัง
นอกจากนี้อุ๊งอิ๊งยังส่งรูปครอบครัวและลูกผ่านเฟซบุ๊คผมและ สส ร้อยเอ็ดที่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกยังส่ง “เรารักพรรคเพื่อไทย”มาให้กดไล้ค์หรือหัวใจให้ เสมอๆ
จึงไม่เหตุอันใดจะต้องมีอคติในการทำนายในทางร้ายแต่อย่างใด นอกจากจะเตือตรงๆมาด้วยความห่วงใยเท่านั้น ครับ
ผศ.ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์
ผู้สื่อข่าวเรียก “โหร สว”
19 สิงหาคม 2567