ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า เสือล่อกวาง ตัดทางน้ำไหล
ในเชิงยุทธศาสตร์การเมือง การปกครอง เป้าหมายของผู้บงการสั่งการมาจากดูไบ ในการเอา นศ. มาเคลื่อนไหว โดยให้ เสี่ยไก่ เขยเจ้าสัว ผ่าน น้อง…”บ” ของพี่ไก่ สั่งต่อประสานงาน เป็นนายทุนใหญ่ให้เคลื่อนไหว เน้นการโจมตีสถาบันฯ ด้วยการอ่านแถลงการณ์ของคณะราษฎร เพื่อขู่เจ้า โจมตีเจ้า ใช้นศ.เป็นเครื่องมือ ทั้งประเทศไม่เกิน 100 คน
หวังจะให้ตร.สกัด เกิดการปะทะกันเหมือนในฮ่องกง สหรัฐ อิตตาลี่ฝรั่งเศส ฯลฯ การปะทะทำร้าย นศ.เขาหวังจะเกิดการลุกฮือใหญ่เหมือนเหตุการณ์ จอร์ด ฟรอย ที่ถูกตร.(คนขาว) ฆ่าตายขณะจับกุม จากคดีนี้ (แดโมแครด) ได้ปลุกกระแสคนดำ อ้างสิทธิมนุษยชน สีผิว ตามหลักชาตินิยม ขึ้น จนลุกลามบานปลายไปทั่วยุโรปและอเมริกากลาง โดยมีเป้าหมายภาคปฏิบัติการ สร้างความปั่นป่วน จราจล ปล้นสะดม สงครามกลางเมือง ประกาศเขตปกครองใหม่ และทำลายเศรษฐกิจ เพื่อทำลายทรัมป์ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในเดือนพฤศจิกายน หลังทรัมป์เปิดสงครามไวรัสสงครามอาวุธ และสงครามทางการค้า แจกเงินโควิด ก่อนเลือกตั้งที่โกยคะแนนนิยมไปได้มาก
ก่อนหน้านี้ในไทยได้พยายามปลุกกระแส อุ้มวันเฉลิม แต่กระแสจุดไม่ติดในระยะยาว พยายามดึงองค์กรต่างชาติมาเล่นงาน ด้วยการให้ จักภพ ประสานงาน แต่ก็จุดติดเพียงระยะสั่นเท่านั้นสุดท้ายก็จางหายไป จนถึงวันนี้ญาติก็ไม่ไปแจ้งหายที่กัมพูชา
แต่รัฐบาลไทยปล่อยให้มีการชุมนุมโดยไม่หลงกล ของอ้าย..แม้วโดยได้เก็บหลักฐานทั้งหมดในการกระทำความผิด อย่างน้อย 3 ข้อหา คือ พรบ.ความมั่นคง ในมาตรา 116 แต่งกายคล้ายทหารละเมิดพรก.ฉุกเฉิน เป็นต้น
จากกระบวนการภาคปฏิบัติการ คดีนี้เป็นคดีอาญา พนักงานสอบสวนต้องมีหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ออกหมายเรียกผู้กระทำความผิด พิจารณาส่งให้อัยการ และส่งฟ้องศาลตามลำดับ ไม่มาก็ขอศาลออกหมายจับ ตามหลักกฎหมาย อันเป็นหลักนิติรัฐ และหลักนิติธรรม ให้ความเป็นธรรมทางกฎหมาย ไม่ใช้กำลังจนบานปลาย เหมือนในต่างชาติ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยไม่ทำย่อมมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะกฎหมายไทยถือปฏิบัติในหลักเดียว ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ ประชาชน นักศึกษา อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน
กลยุทธ์นี้ ที่น่าสนใจตรงการลากไส้ผู้บงการ ระดับกลาง และระดับต้น เส้นทางการเงิน ที่ตร.มั่นใจว่ามีการจ้างวาน กระทำเป็นขบวนการ ที่คนไทยจะเห็นชัดเจนตอนเกิดการประกันตัวผู้ต้องหา ที่จะมีคนกลุ่มเดิม ทนาย อาจารย์ คนเดิม หากมีการเอาผิดผู้บงการที่ยุยงก่อการ สนับสนุนเงิน จะทำให้สังคมเห็นชัดเจนว่า ม๊อบทุกม๊อบ ย่อมมีผู้บัญชาการเหตุการณ์
อาจารย์มหาวิทยาลัย ยิ่งเป็นลูกจ้างมหาวิทยาลัย ก็ย่อมมีความผิดตามกฎหมาย ทั้ง แพ่ง อาญา วินัย ที่ ทบวงมหาวิทยาลัย ต้องรับผิดชอบ ส่วนทนายความ ที่กระทำความผิด รู้ว่าผิดแต่เจตนากระทำผิด ย่อมขัดต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ที่ สภาทนายความ(ในพระบรมราชินูประถัมถ์) มหาวิทยาลัย ต้องยึดระเบียบ กฎหมาย เมื่อนักเรียน นักศึกษากระทำผิดกฎหมาย ย่อมผิดกฎระเบียบมหาวิทยาลัย
ทั้ง 3 กรณี อาจมีผู้ร้องหรือไม่มีผู้ร้องก็ได้ หากทั้ง 3 องค์กร คือมหาวิทยาลัย ทบวงมหาวิทยาลัย สภาทนายความ มิกระทำ เพิกเฉย ย่อมถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีความผิดตามกฎหมายเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ได้เห็นเชิงประจักษ์ไปแล้ว
สิ่งเหล่านี้คือหลักยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ที่คนไทยจะได้หูตาสว่าง ได้เห็นเชิงประจักษ์ว่า “ทุกม๊อบมันมีเจ้าของ” การตัดสินคดีบุกบ้านป๋าเปรม ในปี 2550 ที่ จตุพร ออกมายืนยันว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ยุยง สนับสนุน สั่งการ บัญชาการ ให้แกนนำเสื้อแดงบุกบ้านป๋า(สมัยพลเอกประยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 1) จนเข้าไปจนติดคุกติดตารางนั้น ก็เป็นม๊อบที่มีเจ้าของเช่นกัน แต่เวลานั้นมิได้สาวไส้ถึงผู้บงการ ก็แค่นั้นเอง…..
นี่…แหละ “ เสือล่อกวาง ตัดทางน้ำไหล “ ใจเย็นๆ
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
26 มิถุนายน 2563