ไทยโพสต์-28 ส.ค. 1563 นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม พร้อมคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) แถลงสรุปผลการตรวจสอบการขาดทุนของการบินไทย โดยพบว่าการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 2551 จากการจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและสาเหตุสำคัญที่ทำให้การบินไทยขาดทุน ไม่ต่ำกว่า 62,803 ล้านบาท จากการขาดทุนในทุกเส้นทางบิน ตั้งแต่เที่ยวบินปฐมฤกษ์ กรุงเทพ-นิวยอร์ก ในเดือนกรกฎาคม 2548 จนปลดระวางลำสุดท้ายในปี 2556
อย่างไรก็ตามโดยเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1. การบินไทยไม่ให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามมติ ครม. 2.ปัญหาการจ่ายสินบนของบริษัท โรลส์-รอยซ์ ผ่านนายหน้าคนกลางให้เจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานการบินไทย วงเงินกว่า 245 ล้านบาท เพื่อเอื้อประโยชน์ในการจัดซื้ออะไหล่ 7 เครื่องยนต์และการซ่อมบำรุงแบบเหมาจ่าย และ 3.มีข้อมูลการจ่ายเงินสินบนไม่ต่ำกว่า 5% หรือประมาณ 2,652 ล้านบาท ผ่านนายหน้าคนกลาง ให้กับนักการเมือง เจ้าหน้าที่ และ พนักงานการบินไทย แลกกับการจัดซื้อเครื่องบิน 10 ลำดังกล่าว
“การตรวจสอบนี้จะเป็นเครื่องมือในการแก้ไข ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร และการทำงานชิ้นนี้ใช้เวลา 43 วัน ใช้คน33 คน รวมท่านเลขา มีความตั้งใจดีมากกับองค์กร และบอกได้เลยว่าคนในองค์การเดินเข้ามาแสดงความของคุณ โทรศัพทย์และส่งสัญญาณมาขอบคุณ เรื่องนี้พนักงานเขานั่งดูอยู่นานแล้ว ไม่รู้จะไปพูด ไปบอกกับใคร โดยในช่วงเวลา 43 วัน มีคนเดินเอาข้อมูลมาให้ถึง 100 คน ไม่ใช่เรื่องธรรมดา อยากจะทำต่อแต่หมดอำนาจแล้ว เรื่องนี้ส่งให้ ปปช. ผู้มีอำนาจเต็มไปดำเนินการต่อ”นายถาวร กล่าว
นอกจากนี้ ยังพบการบริหารงานที่เอื้อประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง โดยระหว่างปี 2560-2562 การบินไทยขาดทุนรวม 25,659 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงมากเช่น ค่าโอที ที่มีการเบิกเกินความเป็นจริง , การบริหารงานผิดพลาด เช่น การเช่าเครื่องบิน B787-800 จำนวน 6 ลำ โดยแต่ละลำราคาไม่เท่ากันโดยมีส่วนต่างถึง 589 ล้านบาท , มีการจ่ายค่าชดเชยคืนสภาพเครื่องบินแบบเช่าดำเนินงาน รุ่นA330-300 จำนวน 2 ลำ สูงถึง 1,458 ล้านบาท , มีรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้รับเงินค่าตอบแทนเพิ่มพิเศษ เดือนละ 200,000 บาท ผ่านไป 9 เดือนเพิ่มเป็น 600,000 บาท โดยอ้างแนวปฏิบัติที่เคยทำมา นอกจากนี้ยังมีการบริหารงานผิดพลาดและส่อทุจริต ในหลายๆ แผนกของการบินไทย เป็นต้น โดยระบุว่า ข้อมูลมีผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย หลายสิบคนมีส่วนเกี่ยวข้อง
นายถาวร กล่าวว่า ขณะเดียวกันพบว่า ในปี 60-62 สายการพาณิชย์ไม่มีการจัดทำงบประมาณ แต่ใช้วิธีการกำหนดเปลี่ยนแปลงงบประมาณเองโดยผ่านบอร์ดบริษัทเท่านั้น และมีการขายตั๋วโดยสารในราคาต่ำมาก เฉลี่ยใบละ 6,081 บาท แต่มีจำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยวบินเกือบ 80% และมีผู้โดยสารถึง 24.51 ล้านคน แต่กลับมีรายได้จากการขายตั๋วโดยสาร 149,000 ล้านบาท สาเหตุจากการเอื้อประโยชน์ใหักับตัวแทนจำหน่ายตั๋วโดยสาร และผู้บริหารสายการพาณิชย์ได้แต่ตั้งบุคคลใกล้ชิดให้ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายทั่วไปในต่างประเทศ(AA) และกำหนดเป้าหมายรายได้จากการขายเพื่อให้ได้ค่าตอนแทนพิเศษ(Incentive) ตามที่ต้องการ เพื่อให้ AA ส่งรายได้จำนวน 10% ของค่าอินเซนทีฟ เข้าบัญชีกองทุนของผู้บริหารสายงานพาณิชย์และนำเงินในกองทุนดังกล่าวไปจัดสรรและแบ่งปันกันเอง ซึ่งกองทุนดังกล่าวไม่มีระเบียบ ประกาศ หรือกฎหมายของบริษัทฯ รองรับ
ทั้งนี้ทางคณะทำงานฯ จะรายงานผลการตรวจสอบ ต่อกระทรวงการคลัง , คณะกรรมการ ปปช. , ปปท. และ นายกรัฐมนตรี ภายในวันจันทร์นี้ (31 ส.ค.นี้) เพื่อดำเนินการได้อย่างเด็ดขาด และ เป็นบทเรียนในการวางแผนการบริหารงานในอนาคตต่อไป ขณะที่ผู้ถูกพาดพิงก็มีสิทธิ์ในการชี้แจงได้เช่นกัน