ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่าทุจริตในยามชาติวิกฤติ
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤติ จนต้องประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ก็ยังคงมีองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง ฉวยโอกาสอ้างการช่วยเหลือประชาชน ทั้งถุงยังชีพ และเครื่องพ่นกันโควิด ซึ่งบางแห่งมีการตั้งกรรมการสอบสวนระดับจังหวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การทุจริตที่เกิดขึ้นมาก เพราะจะต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นในอนาคต เพราะผู้บริหารท้องถิ่นทุกแห่งหมดอายุในการบริหารแล้ว อยู่ในระหว่างรักษาการรอการเลือกตั้ง ทำให้มีการทุจริตเงินภาษีที่จะนำเงินมาใช้ในการเลือกตั้ง ในระหว่างนี้เพื่อมิให้เกิดการเอาเป็นเยี่ยงอย่างในการทุจริต ทำร้ายประชาชนในยามวิกฤติ จึงควรมีคำสั่งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องปลดออกทั้งคณะผู้บริหารท้องถิ่นนั้น ในระหว่างการสอบสวน ให้มหาดไทยแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเข้าทำการรักษาการแทน เพื่อเร่งรัดมาช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติ
การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของรัฐ ทั้งทางตรง และทางอ้อมนั้น ที่ดำเนินการส่วนใหญ่นั้นถูกต้องแล้ว แต่ควรเพิ่มเติมผู้ประกอบอาชีพ ด้านงานบันเทิง สถานบริการ โสเพณี หญิง-ชายบริการ นักร้อง นักดนตรี พนักงานเสริบ แรงงานในยามค่ำคืน ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่ง ปิดสถานบริการ และเคอร์ฟิวส์ไปทั่วประเทศ ควรจัดโรงทานไปทำการช่วยเหลือในเบื้องต้น เช่น ที่พัทยา เป็นต้น และเร่งรัดในการเยียวยาให้พ้นความทุกข์ร้อน
นมที่ราคากำลังตกต่ำ เพราะมีผลผลิตมาก ได้มีเลื่อนการช่วยเหลือมาหลายครั้ง จึงควรจัดซื้อนม จากเกษตรกร เพื่อนำเข้าสู่โรงทานทั่วประเทศ หากยังเหลือ ให้กระทรวงพาณิชย์ เจรจาผู้ประกอบการให้ทำการรับซื้อ จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า หรือ ส่งออกยังต่างประเทศ ตามลำดับ
ส่วนการพิจารณาจะเข้าร่วม ภาคีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (CPTPP) นั้น ควรตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้รอบด้าน อันมีเสียงท้วงติงหากไทยจะเสียผลประโยชน์ จากยารักษาโรค และผลิตผลทางการเกษตร
สิ่งเหล่านี้คือการปรับยุทธวิธีให้เข้ากับยุทธการ “ไวรัสพินาศ ประชาชนพ้นภัย” เพื่อปัดเป่าความทุกข์ร้อนของประชาชน ในยามสถานการณ์วิกฤตินั้นเอง
“ เดินหมากรุกยังต้องคิด หมากชีวิตไม่คิดได้อย่างไร “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
25 เมษายน 2563