หลังจากเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากสำหรับกรณีไลฟ์สดของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับประเด็นที่ยกมาพูดก็คือ วัคซีนพระราชทาน ใครได้-ใครเสีย ซึ่งรัฐบาลได้เคลื่อนไหวว่า เตรียมที่จะดำเนินคดีกับนายธนาธร เพราะว่าสิ่งที่พูดนั้นบิดเบือนความจริง เป็นการนำข้อมูลเท็จมาเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจผิด
.
ล่าสุดนายธนาธรได้ออกมาตอบกลับผ่านการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่าตนไม่สนใจใครจะฟ้องคดีอะไร เพราะยิ่งฟ้อง ยิ่งทำให้ข้อสงสัยตนยิ่งชัดขึ้นอีก พร้อมกับถามรัฐบาลกลับว่า ทำไมถึงออกตัวแทนบริษัทเอกชนขนาดนี้ โดยข้อความทั้งหมด นายธนาธร กล่าวว่า
.
ต่อให้ดิสเครดิต หรือเอาคดีความมาก่อกวนมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ข้อสงสัยที่ผมตั้งไว้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ทำไมรัฐต้องรับหน้าแทนบริษัทเอกชนมากขนาดนี้ ยอมรับแล้วหรือไม่ว่าเราให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทเอกชนนี้จริงๆ?
.
ถ้าอยากจบเรื่องนี้ก็ต้องชี้แจงด้วยเอกสาร-หลักฐานให้กระจ่าง โดยผมขอให้เปิดเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น
…
1. สัญญาจ้างผลิตระหว่าง AstraZeneca กับ Siam Bioscience ว่าตกลงแล้วจะรับผลิตกี่โดส ราคาต้นทุนการผลิตของบริษัทเท่าไหร่ ราคาขายให้ AstraZeneca เท่าไหร่ มีรายละเอียดในสัญญาอย่างไรบ้าง
.
2. สัญญารับงบประมาณระหว่างสถาบันวัคซีนแห่งชาติกับ Siam Bioscience ว่ามีรายละเอียดเงื่อนไขอย่างไร มีมูลค่าเท่าไหร่กันแน่ และเอาไปใช้ทำอะไร ตรงตามที่เคยแถลงไว้หรือไม่
.
3. บันทึกการประชุมของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติและเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการวางเงื่อนไข คุณสมบัติ และรายละเอียดของเอกชนที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐในการผลิตวัคซีน เพื่อให้ประชาชนแน่ใจว่าการเลือกสนับสนุน Siam Bioscience เป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้องตามหลักการ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
ยิ่งเปิดเผยมากยิ่งโปร่งใส
…
ขอยืนยันอีกครั้งว่าผมเห็นด้วยทุกประการที่รัฐ หรือเอกชนไทยจะได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อผลิตวัคซีน แต่ผมตั้งคำถามถึงกระบวนการคัดเลือกเอกชน การใช้ประเด็นเรื่องวัคซีนมาสร้างความนิยมทางการเมือง และวิธีการบริหารจัดการที่ไม่มีการกระจายความเสี่ยง ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนช้าและครอบคลุมประชากรน้อยกว่าประเทศอื่น ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า หากยึดตามไทม์ไลน์ของรัฐบาล กว่าเราจะกลับทำมาหากินได้ตามปกติไม่ต้องเปิดๆ ปิดๆ แบบนี้ ก็อย่างน้อยปี 2565 ซึ่งประชาชนรอไม่ไหว!
——————————-