7 มี.ค. 64 – ประชาสัมพันธ์คณะก้าวหน้า เผยแพร่ความเห็นของ นายธนาธร ร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะะก้าวหน้า ซึ่งเฟซบุ๊กไลฟ์รายการ “คิดไปข้างหน้ากับธนาธร” ทางเพจ Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดและการจัดการวัคซีน โดยยกตัวอย่างการจัดการที่น่าสนใจจากต่างประเทศ มานำเสนอให้เห็นทิศทางการจัดการที่เหมาะสม
โดยนายธนาธร ระบุว่าเดือนมิถุนายนนี้เป็นเดือนที่สำคัญ ที่รัฐบาลไทย มีแผนที่จะฉีดวัคซีนในปริมาณมากให้แก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายที่จะฉีดในให้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 5-6 ล้านโดส หมายความว่าในหนึ่งวันจะต้องฉีดถึง 2 แสนโดสต่อวัน และเดือนต่อๆไปอาจจะต้องเพิ่มศักยภาพในการฉีดไปถึง 5 แสนโดสต่อวัน
ซึ่งหากรัฐบาลทำไม่ได้ตามแผนนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ประเทศไทยจะกลับสู่สภาวะปกติได้ช้าลงไป แต่ละวันที่ผ่านไปคือความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน
โดยนายธนาธรได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจ คือกรณีของเมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีประชากร 6 แสนคน พื้นที่ 300 กว่าตารางกิโลเมตร หากเข้าไปดูที่หน้าเว็บไซต์ของเมืองดีทรอยท์ จะเห็นได้ว่าเมื่อเข้ามาถึงจะพบกับกำหนดการฉีดวัคซีนทันที เมื่อเลื่อนลงมาดูก็จะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด และข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนควรรับรู้เป็นลำดับถัดมา
จากนั้น นายธนาธรได้นำเสนอหน้าเว็บไซต์ของเมืองดีทรอยท์ พร้อมแสดงให้เห็นว่าในเว็บไซต์เพียงเว็ปเดียวนี้ มีข้อมูลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ไม่ว่าจะเป็นไทม์ไลน์ ซึ่งสามารถดูย้อนหลังได้, จำนวนเตียงที่มีอยู่และใช้ไปแล้ว ทั้งในโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม ฮอสปิเทล และห้องไอซียู, ผลการตรวจหาเชื้อในประชากร แสดงจำนวนและสัดส่วนระหว่างผลบวกและผลลบ รวมถึงแยกเป็นตามพื้นที่และประเภทการตรวจ,
จำนวนผู้ป่วยแยกย่อยถึงระดับรายอำเภอและตำบล, จำนวนผู้ได้รับวัคซีนแล้ว, จำนวนวัคซีนที่ได้รับมาจากรัฐบาลกลาง ลงรายละเอียดไปถึงว่ามีวัคซีนยี่ห้ออะไรในจำนวนเท่าไหร่บ้าง, สถานที่ฉีดวัคซีนทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน มีในจุดใดบ้าง และมีวัคซีนยี่ห้ออะไรให้เลือกบ้าง, และข้อมูลนโยบายที่จูงใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน
นอกจากนี้ ในหน้าเว็บไซต์ยังมีการแสดงข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสถานการณ์โควิด ทั้งข้อมูลกิจกรรมที่มีการเบิกจ่าย จำนวนเงินที่มีการเบิกจ่าย ฯลฯ ที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลใช้งบประมาณไปกับอะไรบ้าง เบิกจ่ายให้กับใครไปบ้าง
ซึ่งทั้งหมด ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและสามารถเข้าดูได้ทันทีผ่านออนไลน์ โดยไม่มีการปกปิดหรือขั้นตอนที่ยุ่งยากในการเข้าดู
จากนั้น นายธนาธรได้ลองเข้าเว็บไซต์ของฝั่งไทยเพื่อเปรียบเทียบกัน โดยยกตัวอย่างหน้าเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครฯ ซึ่งแม้จะมีอินโฟกราฟฟิก แต่ก็ไม่มีฐานข้อมูลที่ลึกและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ไม่ว่าจะเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนวัคซีนที่ได้รับมา และมีวัคซีนอะไรบ้าง รวมถึงข้อมูลประชากรที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด ซึ่งบนหน้าเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครฯ ล้วนแต่ไม่มีข้อมูลเหล่านี้อยู่เลย
ส่วนบนหน้าเว็บไซต์ data.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลกลางของรัฐบาล จะพบว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิดจำนวนหนึ่ง เช่นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ แต่ต้องกรอกอีเมล วัตถุประสงค์การใช้งาน และรายละเอียดของการใช้ข้อมูล
ซึ่งทำให้เห็นว่าการจะเข้าไปหาข้อมูลที่มีความสำคัญเช่นนี้ ไม่สะดวกสบายและไม่ง่ายเลยสำหรับประชาชน เมื่อเทียบกับตัวอย่างของเมืองดีทรอยท์ ที่ประชาชนสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ทุกข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งพาวเวอร์พอยท์และเอ็กเซล พร้อมให้ประชาชนเข้าถึงได้ในทันที
ส่วนรายงานข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น รายงานข้อมูลโควิดในแต่ละเคส มีการแสดงผลให้ดาวน์โหลดได้ในรูปแบบ API แต่เมื่อกดเข้าไปแล้ว กลับไม่สามารถเข้าถึงหรือดาวน์โหลดได้ ขึ้นแสดงผลบนหน้าจอเป็นเพียงข้อความว่า “ไม่สามารถเปิดหน้าเว็ปนี้ได้ เนื่องจากเซิฟเวอร์หยุดการโต้ตอบ”
จากนั้น นายธนาธร ได้กดโทรศัพท์ไปสอบถามวิธีการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว กับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ ซึ่งต้องพบกับข้อความอัตโนมัติให้กดเบอร์ภายในหรือกดเลือกติดต่อกับโอเปอเรเตอร์ โดยนายธนาธรเลือกกดติดต่อโอเปอเรเตอร์เพื่อสอบถามการเข้าถึงข้อมูล เจ้าหน้าที่ได้โยนให้นายธนาธรติดต่อไปที่อีกเบอร์หนึ่งแทน
ซึ่งนายธนาธรได้ติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับมา ซึ่งเป็นส่วนของ DGA Contact Center ก็ต้องพบกับระบบข้อความอัตโนมัติเหมือนเดิม และเมื่อติดต่อกับโอเปอเรเตอร์ได้แล้ว นายธนาธรได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามถึงการเข้าถึงข้อมูลเป็นระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับคำตอบว่าข้อมูล API ดังกล่าวไม่สามารถดาวน์โหลดได้ และทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ก็ไม่สามารถช่วยให้นายธนาธรเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน นายธนาธรจะสามารถดาวน์โหลดได้เฉพาะข้อมูลที่มีหน้าแสดงผลขึ้นมาให้ดาวน์โหลดได้เท่านั้น พร้อมแนะนำให้นายธนาธรติดต่อไปขอข้อมูลจากกรมควบคุมโรคโดยตรงแทน
นายธนาธร จึงได้สอบถามกลับไปว่าถ้าไม่ให้ดาวน์โหลดแล้วเหตุใดจึงมีแท็บให้กดดาวน์โหลด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตอบกลับว่าข้อมูลในส่วนนี้ ตนทราบเพียงว่าทางกรมควบคุมโรคเป็นผู้นำมาลงในเว็บไซต์ แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ดาวน์โหลดได้ และทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลก็ไม่สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้เช่นเดียวกัน
หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว นายธนาธรได้กล่าวต่อไป ว่าจากการค้นหาเพิ่มเติม ตนก็พบว่าความจริงภาครัฐก็มีการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนอยู่บ้าง ในเรื่องของการเก็บรักษา การกระจาย และจำนวนสต็อกวัคซีนเช่นกัน เช่น บนเว็บไซต์ของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
แต่เมื่อลงไปดูในรายละเอียด ก็จะพบได้ว่าฐานข้อมูลที่นำมาแสดงยังน้อยเกินไป ไม่มีการอัพเดทให้เท่าทันสถานการณ์ ไม่มีการเปิดเผยอย่างกว้างขวางให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีฐานข้อมูลนี้ หนำซ้ำข้อมูลบางอย่างก็ไม่ตรงกันเอง บ้างก็ขัดแย้งกันเองด้วย
นายธนาธรกล่าวต่อไป ว่าเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลมีความสำคัญอย่างมาก เพราะรัฐบาลที่มีความใส่ใจในประชาชนอย่างแท้จริง ย่อมต้องให้ความสำคัญและมีความพยายามอย่างมากในการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงได้ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับวัคซีน ไม่ว่าจะเรื่องของจำนวนที่มีอยู่ ยี่ห้ออะไรบ้าง ฉีดไปแล้วเท่าไหร่ในแต่ละพื้นที่ เหลือวัคซีนอยู่เท่าไหร่ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อแยกย่อยเป็นรายพื้นที่
การเปิดเผยข้อมูลเช่นนี้จะทำให้คนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล และยังทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย เข้าถึงข้อมูลได้หมด ซึ่งจะนำไปสู่การชักจูงให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนมากขึ้น เพราะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล
วัตถุประสงค์ของการฉีดวัคซีน คือการฉีดให้เยอะที่สุดและเร็วที่สุด ที่จะทำให้เกิดการป้องกันการแพร่ระบาดและการเสียชีวิตของประชาชน ซึ่งจะทำอย่างนี้ได้รัฐบาลต้องให้ข้อมูลกับประชาชนให้มากที่สุด ทำให้ประชาชนไว้ใจรัฐบาลและได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
“อยากฝากถึงรัฐบาล ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ผมนำเสนอไม่ได้เกินความสามารถ ใช้แล้วในหลายเมืองทั่วโลก ประเทศไทยก็มีศักยภาพที่จะทำได้ ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจในการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้กับประชาชน ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาสับสนกันว่าตกลงตอนนี้วัคซีนรับมาเท่าไหร่แล้ว มีอยู่ในมือเท่าไหร่ จะต้องไปลงทะเบียนที่ไหน ก็หวังว่ารัฐบาลจะมีการปรับปรุงกระบวนการตรงนี้ เพื่อให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วที่สุด ประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อการยืดเยื้อของสถานการณ์โควิดเช่นนี้” นายธนาธรกล่าวทิ้งท้าย