สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาพูดถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้อง และกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย นายไพบูลย์ ได้กล่าวว่า..
“ก็เห็นว่าผู้ชุมนุมมีอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่ไปอ้างว่าเป็นประชาชนทั้งประเทศ ตนผ่านการชุมนุมมาเยอะ เห็นว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นนี้เล็กมาก ไม่มีผลอะไรต่อการตัดสินใจทั้งสิ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นเพียงกลุ่มที่ต้องการแย่งชิงอำนาจรัฐเท่านั้น ไม่ได้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ”
ล่าสุดวันนี้ 4 ต.ค. 63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ค ถึงกรณีสถานการณ์การชุมนุม ของกลุ่มประชาชนปลดแอกและธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ว่า..
ตนยังคงยืนยันในสิทธิและเสรีภาพ การชุมนุมยืดเยื้อ 7 วัน 7 คืน สามารถชุมนุมได้อย่างสงบปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ และตนเคารพการตัดสินใจของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมาร่วมในการชุมนุม และตนยังขอยืนยันสนุบสนุนแนวคิด 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน ให้นายกรัฐมนตรีลาออก และยุบสภา
แต่นอกเหนือจากนี้ตนไม่เห็นด้วย พร้อมกับมองว่าหากข้อเรียกร้องจุดยืนทั้ง 3 ข้อถูกจำกัดไว้ จะเกิดชัยชนะต่อผู้ชุมนุม และตนจะขอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่ารัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรง ในการปราบปรามประชาชน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะต้องแก้ไขปัญหาด้วยหลักสันติวิธี ซึ่งการใช้หลักนิติศาสตร์นำหลักรัฐศาสตร์สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้แม้แต่กรณีเดียว
อีกทั้ง นายจตุพร ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาระบุว่าประชาชนที่ออกมาเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเท่าหยิบมือ ว่า หากยังไม่แก้ไขคำพูดนี้นรกจะมาเยือนในวันที่ 14 ต.ค. วันหนึ่งหากประชาชนที่อดอยากทนไม่ได้และลุกฮือขึ้นมา คือสิ่งที่น่ากลัวของรัฐบาลที่แท้จริง ดังนั้นทีมเศรษฐกิจที่เข้ามาใหม่นี้ต้องทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง หากยังเป็นแบบนี้นายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาตนเอง ควรเสียสละเพื่อประเทศ เพราะประเทศเสียสละให้มามากพอแล้ว
สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาพูดถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้อง และกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย นายไพบูลย์ ได้กล่าวว่า..
“ก็เห็นว่าผู้ชุมนุมมีอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่ไปอ้างว่าเป็นประชาชนทั้งประเทศ ตนผ่านการชุมนุมมาเยอะ เห็นว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นนี้เล็กมาก ไม่มีผลอะไรต่อการตัดสินใจทั้งสิ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นเพียงกลุ่มที่ต้องการแย่งชิงอำนาจรัฐเท่านั้น ไม่ได้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ”
ล่าสุดวันนี้ 4 ต.ค. 63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ค ถึงกรณีสถานการณ์การชุมนุม ของกลุ่มประชาชนปลดแอกและธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ว่า..
ตนยังคงยืนยันในสิทธิและเสรีภาพ การชุมนุมยืดเยื้อ 7 วัน 7 คืน สามารถชุมนุมได้อย่างสงบปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ และตนเคารพการตัดสินใจของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมาร่วมในการชุมนุม และตนยังขอยืนยันสนุบสนุนแนวคิด 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน ให้นายกรัฐมนตรีลาออก และยุบสภา
แต่นอกเหนือจากนี้ตนไม่เห็นด้วย พร้อมกับมองว่าหากข้อเรียกร้องจุดยืนทั้ง 3 ข้อถูกจำกัดไว้ จะเกิดชัยชนะต่อผู้ชุมนุม และตนจะขอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่ารัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรง ในการปราบปรามประชาชน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะต้องแก้ไขปัญหาด้วยหลักสันติวิธี ซึ่งการใช้หลักนิติศาสตร์นำหลักรัฐศาสตร์สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้แม้แต่กรณีเดียว
อีกทั้ง นายจตุพร ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาระบุว่าประชาชนที่ออกมาเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเท่าหยิบมือ ว่า หากยังไม่แก้ไขคำพูดนี้นรกจะมาเยือนในวันที่ 14 ต.ค. วันหนึ่งหากประชาชนที่อดอยากทนไม่ได้และลุกฮือขึ้นมา คือสิ่งที่น่ากลัวของรัฐบาลที่แท้จริง ดังนั้นทีมเศรษฐกิจที่เข้ามาใหม่นี้ต้องทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง หากยังเป็นแบบนี้นายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาตนเอง ควรเสียสละเพื่อประเทศ เพราะประเทศเสียสละให้มามากพอแล้ว