เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ สน.ลุมพินี นายมิน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี แกนนำกลุ่มนักเรียนเลว น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี กลุ่มนักเรียนเลว และ นายภูมิ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี สมาชิกกลุ่มนักเรียนไท พร้อม น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าพบ พ.ต.ท.นพดล ปิ่นพงศ์พันธ์ รอง ผกก.หน.งานสอบสวน สน.ลุมพินี และ พ.ต.ต.รัฐภูมิ โมลา สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี ตามหมายเรียกฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการขึ้นปราศรัยการชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา บริเวณแยกราชประสงค์
นายมิน กล่าวว่า การคิดเห็นต่างแล้วแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนพึ่งกระทำได้ ไม่น่าจะเป็นความผิด และต้องออกหมายเรียกแบบนี้ การที่รัฐดำเนินคดีกับเด็กและเยาวชน เป็นการทำที่ไม่ถูกตัอง การใช้สิทธิในการชุมนุม เป็นสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ และสากล ซึ่งในการชุมนุมมีเพียงร้องเพลงอย่างสงบและปราศจากอาวุธ อยากให้ผู้ใหญ่หันมาฟังเสียงประชาชน การออกหมายเรียกไม่ทำให้เราหยุดเรียกร้องตามอุดมการณ์ ยืนยันจากนี้จะเคลื่อนไหวต่อไป วันนี้ตนก็มาทำตามกฎหมายรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมจะให้ปฏิเสธและจะต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป
นายมิน กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการปฏิรูป ก็ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ที่มีการเชิญชวนให้นักเรียนแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียน มองว่าเป็นข้อดี เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดนักเรียน และทั้งนี้ หากยกเลิกการใส่ชุดนักเรียน ตนไม่คิดว่าจะเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำในโรงเรียน แต่มองว่าควรแก้ที่ทัศนคติของแต่ละคนมากกว่า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ การแบ่งชนชั้น
น.ส.คุ้มเกล้า กล่าวว่า น้องทั้ง 3 คน ได้ทำตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตรา 44 วรรคแรก บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ” จึงเดินทางมารับทราบหมายเรียกตามข้อกล่าวหา เบื้องต้นจะให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากยังไม่ทราบพฤติการณ์การก่อเหตุตามหมายเรียก และยังไม่ทราบวันเวลาในการกระทำผิด และจะให้การเพิ่มเติมอีกในประเด็นต่างๆ ที่ถูกกล่าวหา พร้อมตั้งข้อสังเกตการออกหมายเรียกและส่งตัวไปศาลเยาวชน เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ชี้กระบวนการควรจบในชั้นสอบสวน ไม่จำเป็นต้องไปสู่ศาลเยาวชน