หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหากับ นอท กองสลากพลัส ในคดีฟอกเงินก่อน จากนั้นเตรียมแจ้งข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน และร่วมกันฟอกเงิน เพิ่มเติม
ล่าสุดเพจ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ โพสต์ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “เนื่องจากเป็นคดีที่กระทบต่อความเชื่อมั่น ผมขอเวลาในการพิสูจน์ตัวเอง และผมยืนยันว่าผมไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ผมไม่เคยฟอกเงินให้ใคร”
ต่อมาเพจดีเอสไอไลฟ์สด นอท พันธ์ธวัช เปิดใจว่า วันนี้มารับทราบข้อหาตามหมายเรียก โดยยืนยันไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา แต่เมื่อตนอยู่ภายใต้กฎหมายไทย เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว และกระทบกับความเชื่อมั่น จึงขอยุติการจำหน่ายลอตเตอรี่เพียงเท่านี้ก่อน โดยขอเวลาพิสูจน์ข้อหาทั้งหมด หลังจากนั้นค่อยมาว่ากัน โดยจะยุติการขายจนกว่าจะพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ โดยตอนนี้ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน โดยตนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เมื่อถามถึงการยุติจำหน่ายสลาก แต่มีคนที่ซื้อไปแล้วจะทำอย่างไร นอท พันธ์ธวัช กล่าวว่า ถ้าถูกรางวัลจะได้รับเงินตามปกติ โดยกองสลากพลัสยังอยู่ ซึ่งไม่หนักใจกับข้อหาฟอกเงิน เพราะตนไม่ได้ทำ โดยมีหลักฐานพิสูจน์ตัวเองอยู่แล้ว โดยมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าชี้แจงได้ทุกเส้นทาง
เมื่อถามว่าหลักฐานที่ทำให้โดนแจ้งข้อหาฟอกเงิน นอท พันธ์ธวัช กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นเช็คที่รับจากนายอรรถกานต์ โดยมีคนเข้าใจผิดและทำให้เสียหายมาก ทั้งที่เคยเจอนายอรรถกานต์ครั้งเดียว แต่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ มากล่าวหาว่านาย ‘อ.’ คือ เอ็ดดี้ และบอกว่าตนรู้จักกับเอ็ดดี้ ซึ่งยอมรับว่ารู้จักกัน เพราะเคยเปิดบริษัทร่วมกับพีทและเจ๊งไป โดยเคยรู้จักในฐานะเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว ซึ่งเอ็ดดี้ ทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินและก่อสร้าง โดยยังเคยพาพนักงานไปเที่ยวโรงแรมของเอ็ดดี้เลย
เมื่อถามถึงเรื่อง 39 เส้นทางเงิน นอท พันธ์ธวัช กล่าวว่า ก็ต้องพิสูจน์กันต่อไป โดยยืนยันเคยเจอนายอรรถกานต์ครั้งเดียว ตอนให้นำสลากไปขึ้นเงินรางวัล โดยมีเลขาฯของตนเดินทางไปด้วย และออกเช็คเป็นชื่อของตนเอง โดยทุกขั้นตอนเลขาฯของตนอยู่ด้วย และมีสัญญารับมอบสลาก โดยมอบให้ดีเอสไอไปแล้ว ส่วนสาเหตุที่แบ่งเช็คเป็น 2 ใบ จำนวนรวม 53 ล้าน เพราะแยกเป็นรางวัลใหญ่และรางวัลเล็ก เป็นการทดลอง