เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2565 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา (แยกคอกวัว) คณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกันแถลงข่าว “กางปฏิทินใหญ่หยุด 3 ป. รัฐประหารนับหนึ่งประเทศไทย” โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมฯ กล่าวว่า วันหนึ่งนักการเมืองก็จะรู้เหมือนที่พวกเราพูดว่าเขา ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยุบสภาไม่มีกฎหมายเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็รักษากันไปแต่ไม่ได้บอกว่าจะมีการเลือกตั้ง ก็รักษาการต่อไป ถ้าปล่อยต่อไปเรื่อยๆ สภาผู้แทนราษฎรอยู่ครบในวันที่ 24 มี.ค.66 กฎหมายลูกยังไม่มีเลือกตั้งไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ รักษาการต่อ เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนว่าจะต้องเป็น พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมืองเท่านั้น ทั้งนี้ วันนั้นนักการเมืองจะทำอย่างไร ก็ต้องมาลงถนนเหมือนกับพวกเรา
นายจตุพร กล่าวต่อว่า เราจำเป็นต้องออกแบบการต่อสู้ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นรอยต่อสำคัญ เราสู้บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องไม่ไปลงเลือกตั้งที่ไหน ไม่ไปเป็นผู้ใหญ่บ้าน และ อบต.ที่ไหน พวกตอนพูดเสมอว่าการทำรัฐประหารครั้งสุดท้ายไม่มีอยู่จริง เช่นเดียวกับคำว่าสงครามครั้งสุดท้ายก็ไม่มีอยู่จริง แต่ในเมื่อคณะ 3 ป. เขาเริ่มสงคราม หน้าที่ของประชาชนคือต้องจบสงครามนี้ ดังนั้น ภารกิจคณะหลอมรวมประชาชน ที่บอกว่า หยุด 3 ป. รัฐประหารนับหนึ่งประเทศไทย โดยการนับหนึ่งเริ่มเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชาชน ฉะนั้นห่วงเวลานับจากวันนี้ถึงวันที่ 24 มี.ค.66 ในระหว่างทางกรอบเวลาเกือบ 6 เดือน เราต้องทำความคิดและความเชื่อของประชาชน นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา
“ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เราจะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากวันที่16ตรงกับวันอาทิตย์ ดังนั้น สถานที่เราจะนัดอีกครั้งหนึ่ง พวกเราเชื่ออย่างเดียวว่าจะต้องเอา 3 ป.และประยุทธ์ ออกไปให้ได้โดยประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด” นายจตุพร กล่าว
ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำคณะหลอมรวมฯ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเราดูแล้วยังเห็นช่องว่าง คำถามคือ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ได้รับโปรดเกล้าฯอีกครั้ง ตรงนั้นศาลแล้วจะธรรมนูญอธิบายว่าอย่างไรและความเชื่อมโยงอยู่ตรงไหนและความเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 60 จนมาถึงการเลือกตั้งในปี 62 ได้อย่างไร ถ้าอธิบายตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะพบว่ามันขาดช่วง ทั้งนี้ นักกฎหมายทราบดีว่าสิ่งที่อยู่ตรงกลาง คือเหตุผล จากนั้นเมื่อดูถึงเหตุผลแล้ว จะต้องมาดูถึงความสมเหตุสมผล ถือเป็นพื้นฐานโดยทั่วไปทั้งนักนิติศาสตร์และนักกฎหมายทั่วโลกใช้วิธีแบบนี้ จึงจะทำให้คำอธิบายและชุดความคิดมีความสมบูรณ์วันนี้เราได้เห็นคำวินิจฉัยที่ขัดกับหลักกฎหมายนับตั้งแต่มีการตรากฎหมายขึ้นในโลกนี้ เพราะข้อเท็จจริงไปทางหนึ่งและข้อกฎหมายไปอีกทางหนึ่ง
“โดยข้อเท็จจริง พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปี แต่ข้อกฎหมายบอกไม่ยอมรับข้อเท็จจริง แบบนี้เรียกคำวินิจฉัยหรือไม่ หรือเป็นคำสั่งเฉพาะเพื่อบุคคลเพื่อกลุ่ม ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวถือเป็นการล้มล้างหลักการทางกฎหมายและทางนิติศาสตร์ ใช้กฎหมู่ เพื่อทำลายกติกาบ้านเมืองทั้งหมดเพื่อให้กลุ่มคนหนึ่งได้มีอำนาจต่อ ดังนั้นคำวินิจฉัยดังกล่าวผมยอมรับไม่ได้ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ ผมคิดว่าประชาชนประชาชนควรจะต้องมาดูว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะมีศาลรัฐธรรมนูญให้อยู่ต่อไป” นายนิติธร กล่าว