นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมระบุว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ แห่งญี่ปุ่นจะสละราชสมบัติในวันที่ 30 เมษายน 2562 นับเป็นการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นครั้งแรกในรอบกว่า 200 ปี
รอยเตอร์ – นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า ตนรู้สึกยินดีที่มีการตัดสินใจอย่างราบรื่นเกิดขึ้นหลังการประชุมของสภาพระราชวงศ์ในการตัดสินใจกำหนดวันสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิวัย 83 ปี
“รัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนชาวญี่ปุ่นจะสามารถร่วมเฉลิมฉลองวาระการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิและการฉลองขึ้นครองราชย์ของมกุฏราชกุมาร” อาเบะ ระบุ
รายงานระบุว่ามกุฏราชกุมารนารุฮิโตะ พระโอรสองค์โตของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระชนมายุ 57 พรรษา จะขึ้นครองราชย์ในวันถัดไปหรือในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562
การดำเนินการสละราชสมบัติดังกล่าวมีขึ้นหลัง สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ทรงมีพระกระแสส่งสัญญาณเมื่อปี 2559 ว่าทรงต้องการสละราชสมบัติ สร้างความตกตะลึงให้กับคนทั้งชาติ โดยทรงให้เหตุผลถึงพระพลานามัยของพระองค์เอง
การตัดสินพระทัยของพระองค์ส่งผลให้เกิดความท้าทายกับรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อญี่ปุ่นไม่มีกฎหมายรองรับการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิ ส่งผลให้ต้องมีการร่างกฎหมายขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่อการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ราชวงศ์ซึ่งยังคงได้รับความนิยมในหมู่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ถูกชักใยทางการเมืองในภายหลัง นอกจากนี้การสละราชสมบัติดังกล่าวยังส่งผลให้เกิดการถกเถียงถึงความเป็นไปได้ในการเปิดทางให้ผู้หญิงก้าวขึ้นมาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีด้วยเนื่องจากรัชทายาทชายจะสิ้นสุดลงที่ลูกชายวัย 11 ปีของเจ้าชายอาคิชิโน พระอนุชาของมกุฏราชกุมารนารุฮิโตะเท่านั้น
ทั้งนี้สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิผู้ครองราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ หรือทาคามิกุระ พระองค์ที่ 125 นับตั้งแต่สมเด็จพระจักรพรรดิจิมมู ผู้ทรงเป็นผู้สืบราชสกุลมาจากเทพเจ้าแห่งสุริยะในตำนานอย่างเทพอามาเทราสึ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงพระราชสมภพในปี 2476 ช่วงเวลาที่จักรวรรดิญี่ปุ่นขยายอำนาจไปทั่วเอเชีย โดยขณะมีพระชนมพรรษา 11 พรรษาญี่ปุ่นก็พ่ายแพ้สงคราม
หลังสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ทรงขึ้นสู่ราชบัลลังก์ต่อจากพระบิดาที่ทรงถูกลดทอนอำนาจจากกษัตริย์สมมติเทพ ลงเป็นประมุขประเทศที่ไม่มีอำนาจทางการเมือง จักรพรรดิอากิฮิโตะ ทรงมีบทบาทในการบรรเทาบาดแผลจากสงคราม และทรงสร้างภาพลักษณ์ของหนึ่งในราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกให้เข้าถึงได้มากยิ่งขึ้นในโลกยุคประชาธิปไตย
สำนักข่าววิหคนิวส์