ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #นายกต้องฟังด่วน ! ดร.อาทิตย์ ชี้ทางแก้วิกฤติโควิด ให้ชาติรอด

#นายกต้องฟังด่วน ! ดร.อาทิตย์ ชี้ทางแก้วิกฤติโควิด ให้ชาติรอด

30 July 2021
827   0

ข้อเสนอปฏิวัติการบริหารจัดการโควิดของชาติ

ภาวะการระบาดติดเชื้อโควิดทั้งในกรุงเทพมหานคร จังหวัดใกล้เคียง และทั่วประเทศ รุนแรงหนักหน่วงมากยิ่งขึ้นแบบที่มองไม่เห็นว่าจะสะกัดยับยั้งให้ทุเลาเบาบางลงได้อย่างไร และผู้ป่วยที่ติดเชื้อก็ไม่ได้รับการแยกคัดกรองอย่างดีและทั่วถึง ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที และเพียงพอ จึงมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

การบริหารจัดการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบโรคระบาดนี้ ก็กระทำโดยการบริหารจัดการจากส่วนกลางแบบระบบราชการ และระบบกองทัพในการศึกสงคราม ซึ่งมองเห็นว่าข้าศึกศัตรู มาจากทิศทางไหน จำนวนมากน้อยและแสนยานุภาพเพียงใด แต่ภัยจากโรคระบาดโควิดมองไม่เห็น และใช้ยุทธวิธีแบบทหารไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้กลยุทธ จาก “บนลงล่าง” เช่นการสั่ง ล็อคดาวน์ การใช้อำนาจตาม พรบ ฉุกเฉิน การประกาศเคอร์ฟิว ประกาศปิดแคมป์แรงงาน หรือสั่งปิดสถานที่ต่างๆ ร้านค้าต่างๆ อย่างเดียว จึงไม่ได้ผล และยังก่อให้เกิดผลเสียมากยิ่งขึ้น

การป้องกันและแก้ปัญหาสภาวการณ์โรคระบาดโควิดนี้ จึงควรดำเนินการด้วยความละเอียดอ่อนอย่างรอบคอบ และ ต้องดำเนินการจาก “ล่างขึ้นบน” ไม่ใช่ “บนลงล่าง”

นั่นคือ

1. ต้องคาดการณ์ล่วงหน้า ว่าโรคระบาดนี้จะมาจากไหน ทางใด อย่างไร และ ต้องวางแผนสะกัดกั้นล่วงหน้า ไม่ให้เกิดขึ้นได้และเข้ามาได้
2. ต้องวางแผนล่วงหน้า เตรียมความพร้อมว่า เมื่อหากมีกรณีเกิดขึ้น จะเตรียมรับมืออย่างไร จะมีมาตรการป้องกันภัยได้อย่างไรบ้าง

ทั้งสองประการข้างต้นเป็นหลักการทั่วไปที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดที่มิได้เตรียมการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ และภัยได้เข้ามาเต็มเมืองอย่างนี้แล้ว ก็ต้องหาทางบริหารจัดการสู้กับภัยพิบัตินี้ในยามฉุกเฉินอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัยได้ ต้องทำแบบไม่ติดยึดกับระเบียบแบบแผนระบบราชการตามปกติที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์และสถานการณ์

จึงเห็นควรว่า ต้องระดมสรรพกำลังทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ไม่แบ่งพวกใครพวกใคร และมอบหมายความรับผิดชอบออกไปทุกภาคส่วน

ให้ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล
ในกรณีกรุงเทพมหานคร ก็ให้ทุกเขต ทุกแขวง
ระดมสรรพกำลังทุกหมู่เหล่า ทหาร ตำรวจ พลเรือน แพทย์สาธารณสุขจังหวัด อำเภอ อบจ อบต เทศบาล พ่อค้า ประชาชน จิตอาสา ในแต่ละเขต จัดการดังนี้

1. ตรวจคัดกรอง ด้วย Rapid Antigen Test แก่ประชาชน”ทุกคน” ในเชิงรุก ว่าผู้ใดติดเชื้อโควิดบ้าง และต้องบริการฟรี ด้วยความเห็นอกเห็นใจและห่วงใยในความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ไม่ใช่เพื่อจับผิดและลงโทษ หรือหากเจอใครที่ติดเชื้อ ถือเป็นความผิดแล้วลงโทษ ซึ่งเป็นแนวทางที่ผิด และไม่ต้องปกปิดข้อมูลใดใด ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสร้างภาพ เพราะถ้าไม่ได้ความจริง เราก็แก้ปัญหาไม่ถูกจุด
2. เมื่อพบผู้ติดเชื้อแล้ว ต้องแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดเชื้อทันที (ไม่ใช่สั่งปิดแคมป์ แต่มันจะอยู่กันอย่างไรก็ช่างหัวมัน ซึ่งเป็นวิธีที่หยาบและผิด)
2.1 การแยกผู้ติดเชื้อก็ต้องดูว่า เขาอยู่ในฐานะและสภาพ ที่จัดแบบแยกให้อยู่ในบ้านพักของเขา (Home Isolation หรือ HI) ได้หรือไม่
2.2 ถ้าแยกแบบ Home Isolation HI ไม่ได้ ก็ต้องจัด Community Isolation CI ให้
โดยระดับตำบลทุกตำบล ต้องจัดหา จัดสร้าง CI ให้ดีพอ เพียงพอแก่ประชาชนในตำบลของตน พร้อมทั้งให้การดูแลรักษาพยาบาล ยารักษาโรค อุปกรณ์เครื่องใช้ บริการอาหารการกินด้วย
3. ทุกตำบลต้องจัดหาโรงพยาบาลสนามให้เพียงพอ กับผู้ป่วยในตำบลของตนด้วย
4. ทุกจังหวัดและอำเภอ ต้องจัดหา จัดเตรียม โรงพยาบาล และ โรงพยาบาลสนามให้เพียงพอสำหรับทุกอำเภอ และตำบลด้วย
5. ทุกจังหวัดและอำเภอต้องจัดหาจัดการบริการฉีดวัคซีนที่ดีและเพียงพอและรวดเร็วทันการณ์ให้กับประชาชน และหากมีโควิดกลายพันธุ์ ก็ จัดหาวัคซีนเสริมให้เพิ่มเพียงพอได้
6. ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล นายกรัฐมนตรี ศบค กระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่เพียง ส่งกำลังบำรุง ทั้งงบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ ยารักษาโรค วัคซีน ให้รวดเร็วและ เพียงพอ และควบคุมป้องกันไม่ให้เข้ามาระบาดจากภายนอกประเทศก็เพียงพอแล้ว และจะช่วยให้การบริหารจัดการโควิดประสบผลดีด้วย

อย่างนี้เรียกว่าบริหารจัดการจาก “ล่างไปสู่บน” อาจได้ผลดีกว่าด้วย และอาจไม่จำเป็นต้อง “ล็อคดาวน์” และไม่ต้อง “เยียวยา” ที่ไม่ทั่วถึงและไม่เพียงพอ ในขณะที่ประชาชนไม่ต้องตกระกำลำบากประกอบอาชีพไม่ได้ ยากไร้มากขึ้นไปอีก