นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบ “ประวิตร” ลาออก โต้หาเสียงย้ำเลือกตั้งรอพร้อม ปัด บีบการเมืองมาพบ – ยึดกฎหมายจับล่าสัตว์
Inn – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง การรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ป่าชายเลนจากการลงพื้นที่จังหวัดตราด วานนี้ ว่า ส่วนตัวได้ให้แนวคิดไปว่าต้องหากิจกรรมระหว่างทางไม่ให้เกิดความน่าเบื่อ ซึ่งอาจมีร้านกาแฟหรือกิจกรรมตกปลาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน รวมถึงดูแลที่พักขนาดเล็กในพื้นที่ที่มีกฏหมายหลายตัวยังไม่เอื้อซึ่งรัฐบาลจะต้องหาทางดำเนินการให้ได้ สิ่งสำคัญของการท่องเที่ยวจะต้องช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และรัฐบาลจะต้องดูแลหากมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ตลอดจนการรักษาความสะอาดที่หลายพื้นที่มีความสะอาดอยู่แล้ว แต่จะต้องช่วยกันรักษาความสะอาดทั้ง 2 ข้างทางแต่หากมุ่งเน้นให้มีการนำสายไฟลงดินเพียงอย่างเดียวจะต้องใช้งบประมาณสูงมาก นอกจากนี้ ในเรื่องของการท่องเที่ยวยังต้องสร้างความเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทั้งวัฒนธรรมสมัยเก่าและสมัยใหม่เข้าด้วยกัน พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้ต้องการทำลายธุรกิจ หรือเอื้อประโยชน์ให้ใครในการพัฒนาประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อวานที่ผ่านมา ยังได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมชุมชนริมน้ำจันทบูร จังหวัดจันทบุรี ได้พบประชาชนทำให้มีความสุขและเป็นสิ่งที่เรียกว่าปรองดองเพราะชุมชนดังกล่าวอาศัยอยู่ด้วยกันหลายศาสนา ดังนั้นควรนำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ด้วย
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าว ถึงกรณีกระแสโจมตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ยังไม่หยุด แม้จะเป็นขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมแล้ว ว่า พล.อ.ประวิตร ยังไม่กลับมา ยังอยู่สิงคโปร์ และปฏิเสธตอบถึงกระแสข่าวการยื่นหนังสือลาออกของพล.อ.ประวิตร ด้วยเช่นกัน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายระบุความชัดเจนถึงวันเลือกตั้ง ว่า เรื่องนี้ขอให้เป็นตามกระบวนการของกฏหมาย เมื่อกฏหมายลูกมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ ก็จะถือว่าเป็นวันเลือกตั้ง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เมื่อทุกอย่างมีความพร้อม ทุกฝ่ายพร้อมกฏหมายลูกทั้ง 4 ฉบับ มีความพร้อมก็จะมีการเลือกตั้ง ส่วนการพบนักการเมืองและผู้นำท้องถิ่นภาคตะวันออกวานนี้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมือง และไม่ได้บังคับให้มาพูดคุย แต่เป็นการพูดคุย เพื่อปรับความเข้าใจและการพัฒนาในพื้นที่ภาคตะวันออก ว่ารัฐบาลได้มีการขับเคลื่อนแล้วเดินหน้าไปอย่างไร ไม่เคยไปสู้รบปรบมือกับผู้นำท้องถิ่น แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเข้าใจระหว่างระหว่างรัฐบาลและนักการเมืองท้องถิ่นเพื่อนำไปสู่การหาทางออกร่วมกัน
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เปิดเผยแนวคิดของคณะรัฐมนตรีออกมาเพื่อสามารถตอบคำถามไม่ให้เกิดความขัดแย้ง และพร้อมรับฟังทุกภาคส่วน เนื่องจากความขัดแย้ง คือการนำทุกฝ่ายมาหารือร่วมกัน แต่กลับมีบางคนบางพวกที่ไม่ยอมมาพูดคุยกับใครเลย ดังนั้นอยากให้มองไปถึงประเทศชาติ ไม่ใช่มองถึงเรื่องคดีความ หากนึกถึงเพียงแค่นี้ไม่สามารถปรองดองได้ เพราะคดีเป็นเรื่องของคดี เป็นเรื่องกระบวนการของกฏหมาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริษัท อิตาเลี่ยนไทย จำกัด มหาชนลอบล่าสัตว์ในเขตอุทยานทุ่งใหญ่นเรศวร ว่า ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากทำผิดและมีการพิจารณาคดีแล้ว ก็ต้องได้รับการลงโทษ ส่วนตัวไม่มีอำนาจก้าวล่วงในทุกเรื่อง แต่ต้องเป็นไปตามกลไก โดยในกรณีนี้ก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งจะมีการแอบอ้างตนหรือแอบอ้างใครไม่ได้
ทั้งนี้ จะต้องตรวจสอบต่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เกี่ยวอะไรกับเจ้าหน้าที่รัฐ คำถามนี้ไม่ยุติธรรม และไม่สร้างสรรค์
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกล่าวถึงการลงพื้นที่ที่จังหวัดตราดและจันทบุรี ว่า ส่วนตัวมีความสุขที่ประชาชนพร้อมขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์ไปข้างหน้าและมีกำลังใจให้ตนเองและคณะรัฐมนตรี ขณะที่การประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออก (Working Dinner) เมื่อวานนี้ ได้รับหลักการ 10 กว่าโครงการเพื่อนำไปพิจารณา สิ่งสำคัญจะต้องหาทางให้พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งการดำเนินการของรัฐบาลทั้งหมดได้คำนึงถึงผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ โดยรัฐบาลได้มีการจัดการงบประมาณเพื่อให้ลงไปสู่พื้นที่อย่างครอบคลุมและทั่วถึง สำหรับการลงพื้นที่เนื่องจากประชาชนเดือดร้อน จึงต้องถามว่าใครทำให้เดือดร้อน โดยทั้งหมดทำเพื่อประชาชนไม่ใช่การหาเสียง
ทั้งนี้ กล่าวถึงนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ หมอแสง ประกาศหยุดแจกยารักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากน้อยใจที่ภาครัฐไม่ให้ใบรับรองแพทย์พื้นบ้าน ว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ต้องให้เวลาบ้าง อย่าเพิ่งน้อยใจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้คัดค้านการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาขอให้ถอดโครงการออกจากแผนพัฒนาพลังงานว่า วันนี้รัฐบาลได้ขยับการพิจารณาออกไปแล้ว แต่กลับมากดดันให้รัฐบาลตอบว่าจะไม่ทำโครงการอีก ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนตอบได้ว่าจะไม่ทำ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องประเมินความเสี่ยง เนื่องจากอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นยังไม่รู้ และต้องศึกษาว่าจะทำอะไร ไม่ใช่จะเลิกหรือไม่เลิก และวันนี้มีอีกกลุ่มที่ออกมาสนับสนุน แล้วรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ดังนั้นสื่อต้องช่วยกันทำความเข้าใจว่าจะทำอย่างไรและจะแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานอย่างไร
ขณะที่ การใช้พลังงานทดแทนก็ถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง ที่ต้องมองความเสถียร จึงขอให้ทุกคนพิจารณความเป็นไปได้ด้วย
สำนักข่าววิหคนิวส์