นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายไทยนิยมยั่งยืน ต้องขับเคลื่อนประเทศตามวิสัยทัศน์ ชี้ฝันจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับการกระทำ อย่านำปัญหาเล็กๆ มาทะเลาะกัน ย้ำไทยนิยม ไม่ใช่ประชานิยม พร้อมแจง ไทยนิยมยั่งยืน ไม่ใช่ทำเพื่อให้ รัฐบาล และคสช.อยู่ในอำนาจต่อ
Inn – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกะทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 2,800 คนเข้าร่วมงานดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนประเทศตามวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนและสร้างความฝันยิ่งใหญ่ ส่วนความฝันจะให้เล็กหรือจะใหญ่อยู่ที่การกระทำ เพื่อจะทำให้ความฝันเป็นจริงให้ได้ และจะต้องนำนโยบายไทยนิยมไปสู่ระดับพื้นที่ตามกลไก หากตั้งแง่หรือไม่เห็นด้วยก็จะทำอะไรไม่ได้ เพราะเราบังคับคนให้เห็นด้วยไม่ได้ แต่จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และอย่านำปัญหาเล็กๆ มาทะเลาะกันในวันนี้ เพราะต้องทำงานแบบคู่ขนาน ซึ่งทุกอย่างประชาชนได้ประโยชน์ไม่ใช่รัฐบาลและ คสช. ส่วนข้าราชการก็จะเกิดความภาคภูมิใจในการทำงาน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในวันนี้เพื่อตอบสนองความเท่าเทียมทางโอกาส และความเป็นธรรมโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่จะต้องดูแล และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่ง ส.ส.ต้องนำปัญหาจากประชาชนมายังรัฐบาล และรัฐบาลจะต้องมีความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณลงไปในพื้นที่ด้วย ดังนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือนว่าไม่ดูแลคนจน
นายกรัฐมนตรีย้ำไทยนิยม ไม่ใช่ประชานิยม พร้อมแจง ไทยนิยมยั่งยืน ไม่ใช่ทำเพื่อให้ รัฐบาล และค สช.อยู่ในอำนาจต่อ แต่ทำเพื่อประชาชนลืมตาอ้าปากให้ได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและ กล่าวยืนยันว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืนไม่ใช่การให้รัฐบาล หรือ คสช. อยู่ได้ต่อไป แต่ต้องทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากให้ได้ เกิดความทั่วถึงในทุกพื้นที่ ทั้งหมดคือหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ขณะที่ประชาธิปไตยไทยนิยมยั่งยืน คือ การมุ่งมั่นในการทำความดีแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของประเทศ ไม่ใช่นำกติกามาขัดแย้งซึ่งกันและกัน และมีวิธีการแก้ไขปัญหาโดยไม่ใช้กฎหมายอยู่ ซึ่งกฎหมายในปัจจุบันประชาชนจะได้ประโยชน์มากที่สุดและกฏหมายบางอย่างต้องไม่ละเมิดเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อย ดังนั้นอย่าให้ทุกอย่างต่างคนต่างทำเพราะจะไม่เกิดผลสัมฤทธิ์และตอบคำถามไม่ได้ ตลอดจนประชาธิปไตยไทยนิยมไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นไปตามหลักของประชาธิปไตยหากใครมาบริหารประเทศจะต้องบริหารแบบประชาธิปไตยไทยนิยมคือบริหารงานแบบที่คนไทยนิยม ดังนั้น จึงต้องบอกให้รัฐบาลที่เข้ามาใหม่ทำให้ได้แบบนี้ในการลดความเหลื่อมล้ำ และ รัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศไม่ใช่เป็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง ตามกลไลของประชาธิปไตย
ส่วนสัญญาประชาคมที่นำไปสู่ความปรองดองของนักการเมือง แต่มีนักการเมืองบางส่วนไม่เข้าร่วม หากเป็นแบบนี้กระบวนการยุติธรรมก็จะเสียหายหมดผิดก็กลายเป็นไม่ผิด
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ส่วนตัวมีความตั้งใจให้งบประมาณตามโครงการที่เสนอเข้ามาในแต่ละปีงบประมาณ แต่งบประมาณมีจำกัด ดังนั้นจึงต้องเสนอโครงการและงบประมาณที่สอดคล้องกัน ส่วนที่การมีวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลมีที่มาแบบนี้ จะใช้งบประมาณได้สบายนั้น ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ใช้เงินได้สบายหรืออนุมัติได้ง่ายๆ เพราะจะต้องนำมาหารือแถลงชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนไม่ใช่ปล่อยผ่านไป ส่วนความมั่นคงก็มีความจำเป็น เพราะความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของทุกเรื่อง หากไม่คำนึงถึงความมั่นคงอนาคตใครจะเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน โครงการไทยแลนด์ 4.0 ไม่ใช่การสร้างความแตกแยก แต่เป็นการสร้างจุดร่วมกัน และเป็นการสร้างอนาคตให้กับลูกหลาน รวมถึงมุ่งพัฒนาคนไปสู่ยุคดังกล่าว เพราะปัจจุบันคนมีหลักคิดที่ต่างกันมาก จึงขอให้สร้างหลักคิดที่ถูกต้อง เพื่อมุ่งสู่ความปรองดองของคนชาติ ไม่ใช่มาบิดเบือนกันในขณะนี้และกฎหมายถูกบิดเบือน ส่วนที่มีคนบอกว่ารัฐบาลชุ่ย ในการออกกฎหมายนั้น ปัจจุบัน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการอภิปรายกฏหมายแต่ละฉบับกว่า 8 ชั่วโมง พร้อมยืนยันว่า คสช. สั่งในการออกกฎหมายไม่ได้ เนื่องจากสัดส่วนใน สนช. ไม่ได้มีทหารเพียงอย่างเดียว แต่มีภาคเอกชนและผู้คุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถด้วย
อย่างไรก็ตาม วันนี้คนยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งมีกี่ส่วน ซึ่งมีอยู่ 3 ส่วนคือเลือกตัวบุคคล เลือกพรรคและไม่เลือกใครเลย มีหลายคนบอกว่าไม่ต้องไปเลือกตั้ง แต่รัฐบาลอยู่ต่อ แล้วรัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร และไม่รู้ว่านักการเมืองที่เข้ามาใหม่จะทำตามยุทธศาสตร์และแบบที่ตนเอง
ได้เคยกล่าวไว้หรือไม่เอาแต่ติติงทุกวัน แต่กลับเป็นห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อมและการดูแลประชาชนไม่ทั่วถึง
สำนักข่าววิหคนิวส์