พล.ท.วีรชน สุคนธปภิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และกล่าวเปิดการประชุมระดับผู้นำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ครั้งที่ 11 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่แผนงานความร่วมมือ IMT-GT ครบรอบการก่อตั้ง 25 ปีในปีนี้ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือที่มีบทบาทสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำ โดยวิสัยทัศน์ในช่วงปี 2550-2559 คือ “การเป็นอนุภูมิภาคแห่งการบูรณาการ มีความก้าวหน้า รุ่งเรือง และมีสันติภาพ” ภายใต้กรอบแนวทางความร่วมมือ 6 สาขา และตาม 5 แนวระเบียงเศรษฐกิจ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุนทั้งภายใน IMT-GT และกับอาเซียน การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาผู้ประกอบการ,ยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการฮาลาล การพัฒนาเมืองสีเขียวเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และสามารถจะพัฒนาไปสู่เครือข่ายเมืองอัฉริยะอาเซียนต่อไป
โดยนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า อนุภูมิภาคนี้จะสามารถพัฒนาสู่อนาคตโดยใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้โดยผ่านความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ทั้งนี้ โครงการด้านความเชื่อมโยงทางกายภาพในระเบียงเศรษฐกิจ IMT-GT ถือเป็นแกนกลางนำการพัฒนาภายใต้แผนระยะ 5 ปี ปี 2560-2560 ของการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ระยะยาว ซึ่งไทยได้ติดตามผลักดันอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ โดยเฉพาะในแนวระเบียงเศรษฐกิจระนอง-ภูเก็ต-ปีนัง-อาเจะห์ เพื่อเชื่อมโยงแผ่นดินสู่เกาะสุมาตรา และแนวระเบียงเศรษฐกิจสงขลา-ปีนัง-เมดาน และส่วนขยายไปยังปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับมาเลเซีย รวมทั้งเร่งรัดติดตามการก่อตั้งแนวระเบียงเศรษฐกิจที่หก ที่ปรับจากพื้นที่ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส มาเชื่อมโยงโดยตรงกับเประและกลันตัน รวมถึงความก้าวหน้าโครงการที่สามารถเปิดดำเนินการในปี 2561
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า การพัฒนาด้านนวัตกรรม การใช้ความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบเพื่อนำ IMT-GT สู่โลกอนาคต โลกแห่งดิจิทัลและความเป็นอัจฉริยะ จำเป็นต้องปรับตัวให้รวดเร็ว เพื่อเดินหน้าความร่วมมือให้ IMT-GT มีความเข้มแข็ง ซึ่งไทยได้ใช้แนวทาง Thailand 4.0 ที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้และนวัตกรรมโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมี SDGs เป็นเป้าหมายสำคัญ
สำนักข่าววิหคนิวส์