นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จันทบุรี – ตราด ก่อนการประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ (6) ถามประชาชน “รู้หรือยังจะเลือกใคร” แต่ไร้เสียงขานตอบ ขณะที่รัฐบาลประกาศผลักดันไทยเป็น “มหาอำนาจด้านการค้าผลไม้เมืองร้อนของโลก”
ในวันนี้ (5) พล. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริบ้านเปร็ดใน ซึ่งเป็นชุมชนตัวอย่างในเรื่องการบริหารจัดการป่าชายเลน ตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมือง จังหวัดตราด อันเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.จันทบุรีและตราด 5-6 ก.พ.
นายกฯได้ทักทายประชาชนด้วยสีหน้าอารมณ์ดี พร้อมถามว่า “นายกฯ ตัวจริงน่าเกลียด น่ากลัวหรือไม่” โดยประชาชาตอบว่า “ไม่” พร้อมให้กำลังใจนายกฯ หลังจากนั้นนายกฯ กล่าวว่า วันนี้พยายามทำทุกอย่าง เศรษฐกิจจะดูเฉพาะข้างล่างอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูตรงกลาง ดูเรื่องของภาษี การค้าขาย ถึงจะมาดูข้างล่าง แต่ถ้าเราต่อต้านกันทั้งหมดมันก็จบ มันไปไม่ได้หรอก เราต้องคิดใหม่ว่าจะทำบ้านเมืองไปอย่างไร ถามว่าประชาธิปไตยใช่ไหม ตอบว่าใช่ มันต้องมีไหม มันก็ต้องมี ตนไม่เคยคิดว่ามันไม่ต้องมี มันต้องมี แต่ท่านต้องเลือกให้เป็น
ตอนนี้นายกฯ ได้หันไปถามประชาชนว่า “รู้หรือยังจะเลือกใคร” ซึ่งประชาชนราว 300 คนที่มาไม่ตอบคำถาม ทำให้นายกฯ ตอบกลับว่า แสดงว่ารอถ่ายรูปอยู่ใช่หรือไม่ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะได้ ก่อนที่นายกฯ จะกล่าวเพิ่มเติมว่า “ถ้าเลือกไม่ดีแล้วได้แบบเดิม จะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้นะ และวันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอาจจะเกิดการผิดพลาดเรื่องรับส่งมุข เพราะเมื่อนายกฯ พบปะประชาชนในระยะหลังก็มักจะถามคำถามนี้ คำตอบจากประชาชนมักจะเป็นเลือกนายกฯ ซึ่งนายกฯ ก็จะบอกประมาณว่า “เลือกผมไม่ได้ ต้องเลือกคนดี ๆ”
นอกจากนี้ระหว่างลงพื้นที่่ตอนหนึ่ง นายกฯ ได้หันมาถามชาวบ้านว่าได้ไปร่วมเดินกับกลุ่มวี วอล์ก หรือไม่ โดยชาวบ้านตอบกลับว่า “ไม่ได้ไป” พร้อมให้กำลังใจนายกฯ ซึ่งทำให้นายกฯตอบสวนว่า “ดีแล้ว อย่าไปวอล์กกับเขานะ เดี๋ยวผมนะทำให้ทุกคน”ระหว่างการพูดคุยกับชาวบ้านนายกฯ ได้ถามว่า มีรายได้ต่อวันเท่าไร โดยชาวบ้านตอบว่าวันละ 1,000 ทำให้นายกฯ ตอบว่า ถ้าได้วันละ 1,000 ทั้งปีจะมีรายได้ 360,000 ก็ต้องเสียงภาษีนะ รายได้ขนาดนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่พอเพียง อย่าให้ใครเขามาบิดเบือนว่าต้องรวย แล้วที่ผ่านมาเขาทำได้ไหม แล้วปล่อยให้คนเหล่านั้นมาเล่นงานตนทุกวัน ก็ช่วยตนบ้าง สัญญาแล้วนะว่าจะช่วยกัน
นายกฯ กล่าวกับนักศึกษาที่มาต้อนรับว่า เราอย่ามองเรื่องต่างๆให้แคบ เพราะถ้ามองเช่นนั้นจะก่อให้เกิดปัญหา เหมือนกับที่ประเทศไทยมีปัญหาอยู่ทุกวันนี้ หากเราเป็นคนไม่ดี ก็ต้องมองดูว่ามีคนไม่ดีเหมือนเราหรือไม่ จากนั้นก็ช่วยกันพยุงกันขึ้นมา
“อย่าให้ใครมาชักพา เพื่อนำไปสู่ความขัดแย้ง วันนี้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ท้องถิ่น ต้องคิดกันใหม่ โดยรัฐบาลจะทำเท่าที่มีเวลาทำได้ และ 3 ปีมานี้ก็รบกับหลายเรื่อง วันนี้เราทำเพื่อทุกคน วันนี้บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อยก็ขอเวลาหน่อย เพราะวันหน้าถ้ายังไม่เรียบร้อย ทุกอย่างก็วุ่นไปหมด” นายกฯ กล่าว
จากนั้นนายกฯ และคณะได้ลงเรือไปเยี่ยมชมจุดศึกษาดูงานในพื้นที่บ้านเปร็ด 4 จุด คือที่ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน มรดกผืนป่าตะวันออก ระบบการบริหารจัดการน้ำจืด- น้ำเค็ม การสำรองและกักเก็บน้ำจืดท่พัฒนาบ่อกุงร้างเป็นสระแก้มลิง และเกษตรผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่ จากนั้นนายกฯ จะเป็นประธานเปิดสถานีโทรมตรตรวจวัดสภาพอากาศและปริมาณน้ำฝนอัตโนมัติ ที่สถานีบ้านเปร็ดใน
“มหานครผลไม้โลก”
ก่อนหน้านี้ พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมผลักดันให้ไทยเป็นชาติมหาอำนาจด้านการค้าผลไม้เมืองร้อนของโลก โดยการประชุม ครม.นอกสถานที่ครั้งนี้จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านมาตรฐานคุณภาพผลไม้ และบันทึกข้อตกลงเชื่อมโยงตลาดผลไม้ แหล่งผลิต และตลาดรองรับสำคัญระหว่างหอการค้าจังหวัดต่าง ๆ กับหอการค้า จ.ไพลินของกัมพูชา
“ผลไม้ของไทยมีความหลากหลาย มีรสชาติโดดเด่น เป็นที่ต้องการของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านผลไม้ และมีเป้าหมายเป็น “มหานครผลไม้โลก” แต่ยังมีข้อจำกัดด้านการผลิตและการตลาด ซึ่งรัฐบาลจะได้รับฟังปัญหาและร่วมกันแก้ไขภายใต้ยุทธศาสตร์การค้าผลไม้ครบวงจร” พล.ท. สรรเสริญกล่าว
Cr.bbcthai
สำนักข่าววิหคนิวส์