รองหัวหน้าประชาธิปัตย์ ซัด “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ไม่มีหลักการ ชี้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติมาแล้วอย่าทำให้เป็นปัญหาอีก ยันกฎหมายสูงสุดใหญ่กว่า ม.44 หากจะแก้ต้องไปทำประชามติ เตือนผู้มีอำนาจอย่าโลเล เชื่อเป็นทฤษฎีสมคบคิดเลื่อนเลือกตั้ง
วันนี้ (15 ธ.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มวังน้ำยม ที่ให้แก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง และมีแต่ ส.ส.เขต 400 คนว่า ในขณะที่มีการร่างรัฐธรรมนูญมีการถกเถียงจนตกผลึกแล้วว่าระบอบประชาธิปไตยจะเดินไปได้ ส.ส.ต้องสังกัดพรรค และในอดีตก็เห็นความล้มเหลวของระบบรัฐสภาที่ ส.ส.ไม่สังกัดพรรคมาแล้ว รัฐบาลอยู่ยาก การกำหนดนโยบายแต่ละเรื่องทำไม่ได้เลย เมื่อสิ่งนี้ตกผลึกไปแล้วกลับมารื้อฟื้นใหม่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีหลักการของคนที่คิดเรื่องนี้ ส่วนประเด็นเรื่อง ส.ส.เขต 400 คนก็ตกผลึกแล้วเช่นกันว่าการที่เอาระบบสัดส่วนผสมมาเพราะไม่ต้องการให้คะแนนตกน้ำ ทำให้ทุกคะแนนมีความหมาย ข้อเสนอเรื่อง 400 คน 400 เขตเป็นระบบเก่า และรัฐธรรมนูญผ่านการประชามติมาแล้ว อย่าทำให้เป็นปัญหาอีกเลย พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการเสนอเรื่องนี้แล้ว สนช.รับลูกถ้าสมมติว่าตนไปเสนอบ้างว่ารัฐธรรมนูญมาจากประชามติขอให้คงไว้ ไม่ขอให้แก้ไข สนช.จะรับลูกหรือไม่
ส่วนที่นายสมศักดิ์ระบุว่าสามารถแก้รัฐธรรมนูญโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 นั้น นายนิพิฏฐ์เห็นว่า รัฐธรรมนูญใหญ่กว่าอำนาจตามมาตรา 44 เพราะผ่านการทำประชามติ ในขณะที่มาตรา 44 เป็นอำนาจของบุคคลคนเดียว จึงไม่อยากให้ทำเรื่องนี้ให้เป็นปัญหา และหากจะแก้รัฐธรรมนูญก็ต้องไปทำประชามติ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องใช้รัฐธรรมนูญเลยจะดีหรือไม่ ใช้มาตรา 44 เพียงอย่างเดียว จึงอยากให้ผู้มีอำนาจอยู่บนหลักการ อย่าโลเลกลับไปกลับมา ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ผู้ที่บริหารประเทศชาติในตำแหน่งสำคัญอยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากประชาชน อย่าทำตัวให้ไม่มีความไว้วางใจเพราะประเทศชาติจะมีปัญหาเพราะท่านเอง
นายนิพิฏฐ์ยังเชื่อด้วยว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทั้งเรื่องการเสนอแก้กฎหมายพรรคการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นทฤษฎีสมคบคิดเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่ให้มีการเลือกตั้ง โดยมีการคิดเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว จึงมีการรับลูกแบบแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจ มีอิทธิพลในบ้านเมืองคิด ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาระบุว่าจะนำเรื่องแก้กฎหมายพรรคการเมืองเข้าสู่ที่ประชุม คสช. สะท้อนว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่คิดกันมาแล้วว่าใครทำหน้าที่อะไร เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ
“โดยส่วนตัวคิดว่าจากข้อเท็จจริงทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คิดเช่นนั้นก็เพราะกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่ สนช.รับหลักการวาระที่ 1 ไปแล้วนั้น เป็นกฎหมายพวงใน 4 ฉบับ ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง เช่นเดียวกับกฎหมายพรรคการเมือง เพราะเป็นกฎหมายชุดที่ต้องเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันจะขัดแย้งกันไม่ได้ หากมีการแก้กฎหมายพรรคการเมืองในขณะที่กำลังพิจารณากฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ก็จะกระทบกับกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.จนอาจนำไปสู่การคว่ำกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ผมคิดว่าออกสูตรนั้นแน่นอน และเชื่อว่าผู้มีอำนาจจะเดินไปถึงจุดนั้น เพราะข้อเท็จจริงที่ออกมาไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย นอกจากการเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่มีเลือกตั้ง ผมไม่เรียกร้องให้ปลดล็อคหรือให้เลือกตั้ง แต่ขออวยพรให้คุณประยุทธ์ คุณประวิตร อยู่ไปจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร อยู่จนถือไม้เท้ากลับบ้าน เพื่อให้สังคมได้เรียนรู้ และผู้มีอำนาจก็จะได้มีบทเรียนด้วยว่าท่านกำลังอยู่ตรงไหน และความพอดีอยู่ตรงไหน” นายนิพิฏฐ์กล่าว
สำนักข่าววิหคนิวส์