ตัวหนอนมัลแวร์ที่กำลังอาละวาดระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเรียกค่าไถ่ทั่วโลกอยู่ในเวลานี้มีชื่อว่า “WannaCry” หรือ “อยากจะร้องได้” มันสามารถแพร่ติดต่อจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปสู่อีกเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว จนกระทั่งมันเผยโฉมตัวเองออกมาในรูปแบบโปรแกรมเรียกค่าไถ่ (ransomware) แล้วบอกผู้ใช้ว่าไฟล์ทั้งหมดถูกล็อคโดยรหัสลับที่ผู้โจมตีเท่านั้นที่รู้ และให้จ่ายค่าไถ่$300เป็นเงินบิทคอยท์
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จะทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะจ่ายค่าไถ่ ค่าไถ่อาจจะเพิ่มขึ้นเป็น$600หลังจากที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์รีรอไม่ทำอะไรเป็นเวลาหลายวันหลังจากนั้น หลังจาก7วันแล้ว ไม่มีการจ่ายค่าไถ่ พวกแฮ็กเกอร์จะทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเข้าถึงไฟล์หรือข้อมูลทั้งหมดของตัวเองอย่างถาวร เหยื่อของWannaCryจะมีนาฬิกาติ๊กต๊อกๆบอกว่าเหลือเวลาเท่าไหร่ก่อนที่ระบบจะถูกชัดดาวน์
ระบบโปรแกรมเรียกค่าไถ่นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สร้างความปวดหัวให้กับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ถูกโจมตีเป็นอย่างมาก โปรแกรมอยากร้องไห้นี้โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลก เพื่อเรียกค่าไถ่โดยมีผลกระทบผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในบ้าน โรงพยาบาล ระบบโครงสร้างพื้นฐานสื่อสาร ระบบโลจี๊สติค และหน่วยงานรัฐบาล
มัลแวร์ อยากจะร้องไห้ได้โจมตีระบบคอมพิวเตอร์แล้ว 57,000 เครื่องในเกือบ100ประเทศ
ดูเหมือนว่า การโจมตีของมัลแวร์อยากจะร้องไห้ มีรูปแบบเดียวกันกับระบบที่พัฒนาโดยสภาความมั่นคงของสหรัฐ (National Security Agency) โดยใช้รหัสว่า ETERNALBLUE
อาวุธซอฟแวร์นี้ทำให้แฮ็กเกอร์ของสภาความมั่นคงสหรัฐสามารถเจาะเข้าไปในคอมพิวเตอร์ที่ใช้Windowsของไมโครซอฟท์ โดยอาศัยช่องโหว่ของWindowsบางระบบที่ใช้สำหรับเครือข่าวโปรโตคอลเพื่อแชร์ไฟล์ หรือเพื่อที่จะสั่งพิมพ์ ถึงแม้ว่า ไมโครซอฟท์จะได้แก้ไขจุดอ่อนของETERNALBLUEในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ผู้ใช้ต้องมีการอัพเดทโปรแกรม ปรากฎว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ รวมทังหน่วยงานรัฐบาลไม่ได้ดาวน์โหลดอัพเดทโปรแกรมจึงตกเป็นเป้าของการโจมตีโดยมัลแวร์อยากร้องไห้
สำนักข่าว Vihok news วันวิสา รายงานจาก เยอรมัน