จากกรณีที่ ศบค. ประกาศปลี่ยนเงื่อนไขต่างชาติเที่ยว “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” แบบไม่กักตัวซึ่งจะดีเดย์ 1 ก.ค. 64 จากเดิมเคยกำหนด 7 วัน ปรับเป็นต้องอยู่ครบ 14 วันก่อนออกไปเที่ยวพื้นที่อื่นๆ
การเปลี่ยนเงื่อนไขดังกล่าว ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กในกลุ่ม Phuket Sandbox – “Better Phuket” By I Asia Thailand ต่างแสดงความคิดเห็นในเชิงคัดค้านเงื่อนไขดังกล่าว โดยชี้ว่าระยะเวลา 14 วันนั้นนานเกินไป และทำให้ต้องใช้เงินมากกว่าเดิม ซึ่งมาตรการนี้คงไม่มีใครอยากมาภูเก็ต และนั่นอาจทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องปิดตัวลงมากกว่าเดิม ขณะที่อีกหลายรายก็บอกว่าคงไม่เดินทางมาภูเก็ตแล้ว ขอไปเที่ยวประเทศใกล้เคียงแทนดีกว่า
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า วันที่ 1-31 ก.ค.นี้ หรือ 1 เดือนแรกของโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เป็นการตั้งระยะเวลาเพื่อจับตาสถานการณ์ว่าจะมียอดผู้ติดเชื้อใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือไม่ หากไม่มีการกระเพื่อมของยอดผู้ติดเชื้อในภูเก็ต ก็จะพิจารณาปรับลดลงเหลือ 7 วันตามเงื่อนไขเดิม ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวบางรายที่ต้องการมาเที่ยวภูเก็ตไม่ครบ 14 วัน เช่น ต้องการมาเที่ยวแค่ 7 วันแล้วกลับประเทศต้นทางเลยนั้น ยืนยันว่าสามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ครบ 14 วันแต่อย่างใด ซึ่งตนเองจะเดินทางลงพื้นที่ภูเก็ตเพื่อทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการอีกครั้ง
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงการเสียชีวิตหลังรับวัคซีน 27 รายว่า การรายงานผู้เสียชีวิต 27 ราย มีการสรุปสาเหตุแล้ว 12 ราย ไม่เกี่ยวกับวัคซีน ส่วนอีก 15 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน ฉะนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจความปลอดภัยของวัคซีน
ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาระดับเขต เพื่อสอบสวนสาเหตุ มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ซึ่งต้องดูข้อมูลทั้งกระบวนการดูแลรักษา การส่งตรวจใน ร.พ.หรือการชันสูตรหลังเสียชีวิต ตัวอย่างเช่นกรณี จ.ปทุมธานี ที่มีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน แต่ตรวจชันสูตรแล้ว พบการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัคซีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลแถลงข่าว พบว่า การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญกรณีเสียชีวิตภายหลังการรับวัคซีนโควิด ข้อมูลตั้งแต่เริ่มฉีดจนถึงวันที่ 8 มิ.ย.มีรายงานผู้เสียชีวิต 27 ราย ได้รับการพิจารณาจากคณะผู้เชี่ยวชาญแล้ว 12 ราย ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนทั้งหมด โดยเป็นเหตุการณ์ร่วมที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน หรือการฉีดวัคซีน ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 8 ราย ,ภาวะ Immune Thrombotic thrombocytopenic purpura 1 ราย ,ลิ่มเลือดอุดตันในปอด 1 ราย ,purulent meningitis 1 ราย ,และเลือดออกในช่องท้องจาก Intraabdominal aneurysm 1 ราย ส่วนที่เหลืออีก 15 รายอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคหรือรอผลการชันสูตรพลิกศพ